แรงซื้อ ‘ทองคำ’ จากแบงก์ชาติแผ่ว หวั่นราคาร่วง หลังพุ่งทำนิวไฮไม่หยุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางทั่วโลกและผู้ผลิตอัญมณีซื้อ “ทองคำ” ลดลง เนื่องจากราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน
ข้อมูลจากสภาทองคำสะท้อนว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางซื้อทองคำ 166.5 ตันในช่วงสามเดือน ลดลง 1 ใน 3 จากไตรมาสแรก ส่งผลให้การซื้อทองคำในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 และมีการคาดการณ์ว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางจะอยู่ที่ประมาณ 815 ตันในปี 2568
จอห์น รีด นักวิเคราะห์จากสภาทองคำโลกกล่าวว่า "หากคุณตั้งเป้าให้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เมื่อราคาทองคำสูงขึ้นมาก แรงจูงใจในการซื้อก็จะลดลง การที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้ ความต้องการลดลงจากการที่เจ้าหน้าที่บางรายมีความกังวลว่าราคาทองคำอาจจะปรับตัวลดลงในอนาคต”
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดจากสภาทองคำโลกระบุว่า 95% ของสถาบันต่างๆ คาดการณ์ว่าเงินสำรองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า
อย่างไรก็ดี ความต้องการทองคำโดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการซื้อขายนอกตลาด ตามการคำนวณของสภาทองคำโลกมูลค่าการซื้อทองคำโดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือคิดเป็น 1.32 แสนล้านดอลลาร์
สงครามการค้าได้ส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำแท่งของจีนซึ่งถือเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในโลกอย่างมาก แม้ว่าความต้องการทองคำแท่งเพื่อการลงทุนยังคงค่อนข้างทรงตัว แต่ความต้องการเครื่องประดับทองคำในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ลดลงถึง 45% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ปฎิเสธไม่ได้ว่า สถาบันการเงินต่างๆ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น โดยในปีนี้ราคาได้เพิ่มขึ้นไปแล้วมากกว่า 25% ปัจจัยหลักมาจากการที่ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงนักลงทุนพยายาม หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสงครามการค้า ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
หลังจากที่ราคาทองคำแตะ ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์ ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ราคาส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะนักลงทุนกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ ที่จะมากระตุ้นให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอีก