โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“บินไทย”กลับเข้าเทรด ช่วยแบงก์ลดสำรองหนี้ หลายปัจจัยจ่อกดดัน

Manager Online

เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

จับตาแผนกลับเข้าเทรดของ “การบินไทย” ช่วงสิงหาคม คาดนักลงทุนตอบรับหลังพบสัญญาณกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องจนมีโอกาสจ่ายปันผล แถมเดินหน้าขยายฝูงบินรองรับการเติบโต เชื่อ BBL และ KTB ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย จากการตั้งสำรองหนี้เสียลดลง ขณะภาพรวมธุรกิจยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนราคามันที่ผันผวน อาจทำให้รายได้-กำไรลดลง จึงคงเป้าหมายรายได้1.8 แสนล้านบาท และเตรียมกลับเข้าเทรดในตลาดหุ้น

ถือเป็นเรื่องที่หลายคนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กำลังก้าวสู่ช่วงเวลาสำคัญในการกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งรุนแรงจนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญและเป็นการพิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวขององค์กรขนาดใหญ่ เพื่อกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

จุดเริ่มต้นของวิกฤต

“การบินไทย” ประสบปัญหาทางการเงินสะสมมาอย่างยาวนาน โดยมีหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งโครงสร้างต้นทุนที่สูง การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ อาทิ โรคระบาดและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา การบินไทยได้ดำเนินมาตรการภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการอย่างเข้มข้นและครอบคลุมในหลายมิติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการพ้นสถานะการฟื้นฟู ตั้งแต่การปรับโครงสร้างทางการเงิน การแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อเจ้าหนี้บางส่วนได้ตกลงแปลงหนี้ที่การบินไทยเป็นหนี้อยู่ให้เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งช่วยลดภาระหนี้สินจำนวนมาก และเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท

นอกจากนี้ “การบินไทย” มีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน

โดยแผนฟื้นฟูมีการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนมาก ซึ่งช่วยลดภาระหนี้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ จากมูลหนี้กว่า 4 แสนล้านบาท ณ พฤษภาคม 2563 ปัจจุบันเหลือภาระหนี้ที่ต้องชำระประมาณ 189,578 ล้านบาท และจนถึงไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทได้ทยอยชำระไปแล้วประมาณ 94,080 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน “การบินไทย” มีการปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และลดค่าใช้จ่าย รวมถึงมีการปรับกลยุทธ์ฝูงบินและเส้นทางบิน โดยมีการจัดหาเครื่องบินใหม่ เช่น Airbus A350-900, Airbus A330-300 และ Boeing 787-9 และมีแผนรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321 Neo ในปี 2568 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายเครือข่ายเส้นทางบินให้ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีศักยภาพ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเยอรมนี พร้อมกันนี้ ยังมีการกำหนดเป้าหมายลดแบบเครื่องบินเหลือ 4 แบบ ภายในปี 2576 จากเดิม 8 แบบ

ไม่เพียงเท่านี้ “การบินไทย” ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดการฝูงบินและเครื่องยนต์ รวมถึงการควบคุมต้นทุนต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น เพิ่ม Utilization Rate ของเครื่องบิน

อีกประเด็นที่น่าสนใจนั่นคือการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง ทำให้การบินไทยพ้นจากสถานะรัฐวิสาหกิจ ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น การพัฒนาห้องรับรองพิเศษ การบริการระหว่างเที่ยวบิน และโปรแกรมสะสมไมล์รอยัล ออร์คิด พลัส รวมถึงการติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (IFC) บนเครื่องบินบางรุ่น และที่สำคัญสุด นั่นคือ พนักงานให้ความร่วมมือในการลดเงินเดือนและเข้าสู่กระบวนการคัดกรองบุคลากรเข้าสู่โครงสร้างใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทก้าวผ่านวิกฤต

มาตรการเหล่านี้ส่งผลให้การบินไทยสามารถบรรลุเงื่อนไขสำคัญที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ การจดทะเบียนเพิ่มทุน การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูโดยไม่เกิดเหตุผิดนัด การมี EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบินสูงกว่าที่กำหนด (ประมาณ 40,308 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท) และส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก รวมถึงการอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่

ตัวเลขการเงินฟื้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ภายหลังการดำเนินแผนฟื้นฟู การบินไทยได้แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น โดยสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่ปี 2566 ล่าสุดในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากปีก่อน รวมถึงมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (EBIT Margin) อยู่ที่ 26.5% และยังเป็นสายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุด 3 อันดับแรกของโลกติดต่อกันในช่วง 2 ไตรมาสล่าสุด

โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยกลับมาเป็นบวกที่ 55,221 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบ 127,235 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินสดในมือรวมกว่า 1.24 แสนล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 2.97 แสนล้านบาท หนี้สินรวมลดลง 1.9% ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ดีขึ้นอย่างมากเหลือ 4.37 เท่า จาก 20.66 เท่า ณ สิ้นปี 2562

นอกจากนี้ การลดมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นเพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชีก็ส่งผลให้มีกำไรสะสม 9,555 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งอาจทำให้บริษัทสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้ในอนาคต

จากข้อมูล ณ ไตรมาส 1 ปี 2568 การบินไทยมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินรวม 78 ลำ เพิ่มขึ้น 5 ลำจากปีก่อน และมีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A321 Neo ในปี 2568 โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ในระดับสูงที่ 83.3% ในไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.6%

คงเป้าหมายรายได้1.8 แสนล้าน

สำหรับเป้าหมายปี 2568 การบินไทยยังคงเป้าหมายทำรายได้ 1.8 แสนล้านบาท และมีจำนวนผู้โดยสารรวม 15 ล้านคนในปีนี้ โดยมีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่มเติม 9 ลำในปีนี้ เพื่อเพิ่มความถี่จุดบินที่มีศักยภาพ ทำให้คาดว่าผู้โดยสารปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคน

เตรียมกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของการบินไทยแล้ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ปูทางสู่การกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง หลังจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหุ้น THAI กลับเข้าซื้อขาย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือต้นเดือนสิงหาคม 2568 นี้

ส่วนโบรกเกอร์หลายแห่งมองในเชิงบวกต่อการกลับมาเทรดของ THAI ว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาด และอาจส่งผลดีต่อหุ้นของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่าง BBL และ KTB ด้วย เนื่องจากภาระสำรองหนี้เสียที่เกี่ยวข้องกับ THAI จะลดลง

แผนธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ การบินไทยมีแผนจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างพิสัยกลางและไกลพร้อมเครื่องยนต์รวม 80 ลำ กับบริษัท โบอิง และ จีอี แอโรสเปซ โดยมีการวางเงินมัดจำไปแล้ว 45 ลำ และจะทยอยรับมอบเริ่มปี 2570 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มดุลการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับปรุงฝูงบินในปี 2576 ให้มีรวม 150 ลำ แบ่งเป็นลำตัวกว้าง 98 ลำ และลำตัวแคบ 52 ลำ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่การบินไทยยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ อาทิ การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดการบิน ทำให้การรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มรายได้เป็นเรื่องที่ท้าทาย ตลอดจนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ จากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางของผู้โดยสาร

รวมถึงการส่งมอบเครื่องบินล่าช้า จากปัญหาใน Supply Chain และการผลิตเครื่องบิน อาจทำให้การรับมอบเครื่องบินใหม่ล่าช้ากว่ากำหนด , ความผันผวนของราคาน้ำมัน อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินงานของสายการบิน แม้ว่าการบินไทยจะเริ่มทำ Hedging ราคาน้ำมันในปีนี้ และการบริหารจัดการหลังพ้นแผนฟื้นฟู โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และทิศทางการบริหารจัดการหลังจากพ้นแผนฟื้นฟู จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม

กำไรอาจลดหลังหลุดฟื้นฟู

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินภาพรวมของการบินไทยว่า เมื่อเร็วๆนี้ (26 มิ.ย.) THAI จัดประชุมนักวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลเตรียมความพร้อมกลับมาซื้อขายในเดือน ส.ค. 68 นี้ การฟื้นฟูกิจการทำให้ THAI มีผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ดี หลังออกจากแผนฟื้นฟูฯ อัตรากำไรอาจลดลง และการไม่ถูกครอบงำจากรัฐบาลต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป

สำหรับการบินไทย ศาลฯ เห็นชอบให้ THAI ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และอยู่ระหว่างเตรียมกลับมาซื้อขายใน ตลท. ต้นเดือน ส.ค. 68 นี้ ขณะที่ผลประกอบการกลับมาแข็งแกร่ง ปี 2023-2024 และ 1Q25 มีกำไร (ไม่รวมรายการพิเศษ) 2.6 หมื่นล้านบาท 2.1 หมื่นล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

นั่นทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก 5.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 1Q25 จากผลประกอบการฟื้นกลับมาเป็นกำไร และการปรับโครงสร้างทุน (1) แปลงหนี้เป็นทุน 5.3 หมื่นล้านบาท (ราคา 2.5452 บาท/หุ้น) และ (2) เพิ่มทุน 2.3 หมื่นล้านบาท (ราคา 4.48 บาท/หุ้น)

รวมถึงบริษัทสามารถฟื้นกลับมามีกำไรสะสม 9.6 พันล้านบาท ณ สิ้น 1Q25 จากการลดพาร์จาก 10 บาท/หุ้น เหลือ 1.30 บาท/หุ้น เตรียมพร้อมจ่ายเงินปันผล (นโยบาย 25% ของกำไร)

ส่วนจุดเด่นที่ทำให้ THAI กลับมามีผลประกอบการดีขึ้น (1) การลดขนาดองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (จำนวนพนักงานลดลงจาก 3.6 หมื่นคน เหลือ 2.3 หมื่นคน) (2) การเจรจาเงื่อนไขการเช่าเครื่องบินภายใต้แผนฟื้นฟูทำให้ได้เรตพิเศษ (3) กลยุทธ์การบินแบบ Network ทำให้ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยและอัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่ม และ (4) การฟื้นของอุตสาหกรรมการบินหลัง COVID-19 คลี่คลาย (Supply ฟื้นไม่ทันการฟื้นตัวของ Demand การเดินทาง)

ขณะที่เป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า บริษัทเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 26% ในปี 2024 เป็น 35% ในปี 2029 รวมถึงเพิ่มฝูงบินเป็น 137 ลำ ตลอดจนเพิ่มกำลังการให้บริการ 14-17% ต่อปี เพิ่มจำนวนผู้โดยสาร 16-17% ต่อปี และ (5) อัตรากำไรจากการดำเนินงาน 14-18%

“เรามีมุมมองบวกต่อการกลับมามีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง การฟื้นฟูกิจการทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น ความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และการปรับโครงสร้างทุนทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ การไม่เป็นรัฐวิสาหกิจทำให้ผู้บริหารมีอิสระและคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม THAI ยังมีความเสี่ยงจาก (1) ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นหลังจากออกจากแผนฟื้นฟู (2) การแข่งขันอุตสาหกรรมการบินมีแนวโน้มสูงขึ้น จากผู้ประกอบการสายการบินทยอยเติม Supply หลัง COVID-19 คลี่คลาย และ (3) การที่กระทรวงการคลังยังมีสัดส่วนถือหุ้น 39% และการเปลี่ยนแปลงบอร์ดการบินไทยในอนาคตทำให้ THAI ยังมีความเสี่ยงถูกรัฐฯ เข้ามาครอบงำการดำเนินงานอีกครั้ง ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไป

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

อิสราเอลเด็ดหัว “ผู้นำก่อตั้งร่วมฮามาส” คนวางแผนโจมตีข้ามพรมแดน 7 ต.ค “ฝรั่งเศส” สุดทนอาสาให้หลักประกันความปลอดภัย “แจกอาหาร” ในกาซาหลังใกล้เป็นโรงฆ่าสัตว์ดับกว่า 500

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“รวมพลังแผ่นดิน”จุดติด “แดง-ส้ม”ผวานั่งไม่ติด!?

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ช่อง 8 จับมือ THAI FIGHT คว้ารางวัล “รายการกีฬาดีเด่น” จากเวที โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 39 ประจำปี 2567

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ครึ่งปี 68! ผงะ 14 หุ้นดังยับเกิน -50% SET ร่วงระนาว 317 จุด เซ่นปัจจัยร้อน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ครึ่งปี 68! ผงะ 14 หุ้นดังยับเกิน -50% SET ร่วงระนาว 317 จุด เซ่นปัจจัยร้อน

Manager Online

คำเตือน...หุ้น KTC ยังไม่สะเด็ดน้ำ / สุนันท์ ศรีจันทรา

Manager Online

EAแจงผู้ถือหุ้นกู้ไฟเขียวเลื่อนชำระหนี้

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...