สเปนขยายวันลาเลี้ยงลูก 120 วัน จ่ายค่าจ้างระหว่างลาเต็มจำนวน ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ
สเปนกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนโยบายวันลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่ก้าวหน้าที่สุดในยุโรป หลังล่าสุด เมื่อ 29 กรกฎาคม 2025 ได้ประกาศแผนเพิ่มวันหยุดสำหรับผู้ปกครองหลังคลอดบุตรอีก 1 สัปดาห์ ทำให้สเปนมีวันลาคลอดแบบได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนยาวนานถึง 17 สัปดาห์
สเปนจึงกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้วันลาคลอดบุตรมากที่สุดในสหภาพยุโรป และเป็นเพียง 1 ใน 2 ประเทศ (อีกประเทศคือ ฟินแลนด์) ที่ให้มีวันลาเท่าเทียมกันทั้งแม่ และพ่อของเด็ก
โยลันดา ดิอัซ (Yolanda Diaz) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของสเปน กล่าวถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศ โดยระบุว่า "สเปนกำลังก้าวไปข้างหน้าสู่แนวคิดสตรีนิยม (Feminism) และความเท่าเทียม… และจะไม่มีวันย้อนกลับ เรากำลังมองไปข้างหน้า" และยังชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายนี้ว่า "ผู้ชาย 4 ใน 10 คนในประเทศของเราใช้วันลาคลอดบุตร และนี่คือความสำเร็จของแนวคิดสตรีนิยม"
การประกาศครั้งนี้ยังรวมถึงการอนุมัติวันหยุดเพิ่มเติมอีก 2 สัปดาห์แบบได้รับค่าจ้าง ซึ่งสามารถใช้ได้จนกว่าเด็กจะมีอายุครบ 8 ปี ซึ่งจริงๆ แล้ว มาตรการนี้ก็ยังน้อยกว่าข้อเสนอของพรรคสังคมนิยมและพรรคซูมาร์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ให้คำมั่นไว้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งที่ 20 สัปดาห์ที่แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลที่จะผลักดันนโยบายนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สเปนได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรมาตลอด โดยระหว่างปี 2017 ถึง 2021 มีการปฏิรูปนโยบายนี้ถึง 5 ครั้ง เพื่อขยายวันลาของพ่อแบบได้รับค่าจ้างจากเพียง 2 สัปดาห์เป็น 16 สัปดาห์ ซึ่งเท่าเทียมกับวันลาของแม่
งานวิจัยล่าสุดโดยนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการที่เผยแพร่ผ่านบล็อกของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School Of Economics - LSE) ยืนยันว่าการปฏิรูปเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มสิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ปกครองได้อย่างแท้จริง
หัวใจสำคัญของความสำเร็จนี้ มาจากวิธีการออกแบบนโยบาย โดยไม่เพียงแค่ ‘มีวันให้ลา’ เพื่อให้พ่อเลี้ยงดูบุตร แต่ ‘เป็นภาคบังคับ’ ว่าในช่วง 2-6 สัปดาห์แรกหลังคลอดบุตรจะต้องไปดูแลบุตร และที่สำคัญคือ ไม่สามารถโอนสิทธิ์นี้ให้กับแม่ได้ และแม้จะลาก็ยังได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน ซึ่งต่างจากหลายประเทศที่วันลาของพ่อเป็นเพียงทางเลือก แถมยังจ่ายค่าจ้างให้น้อยกว่าเดิม หรือให้สิทธิ์โอนวันลาให้แม่ได้ ดังนั้น เมื่อนโยบายมีข้อกำหนดเช่นนี้ ทำให้พ่อกล้าใช้สิทธิของตัวเองในการดูแลบุตร
จากข้อมูลระบบประกันสังคมของสเปน ที่ครอบคลุมการเกิดใหม่ทั้งหมดระหว่างปี 2016 ถึง 2023 พบว่า การใช้สิทธิวันลาของฝ่ายพ่อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยก่อนจะมีการปฏิรูปในปี 2017 มีพ่อที่ใช้สิทธิ์เพียงประมาณ 46% แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นเป็นกว่า 75% และเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดในปี 2019 เมื่อการลาบางส่วนกลายเป็นภาคบังคับ ทำให้การใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นถึง 20% แค่จากการปฏิรูปครั้งนั้นครั้งเดียว
งานวิจัยยังชี้ว่าพ่อไม่เพียงแต่ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังใช้เวลาลาเกือบครบทุกสัปดาห์ที่ได้รับขยายออกไปทุกครั้ง ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมของแม่ที่ยังคงลาครบ 16 สัปดาห์ตลอดช่วงเวลาที่ศึกษา ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการขยายวันลาของพ่อโดยตรง นำไปสู่การที่พ่อใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้นหลังการเกิดของบุตร
นอกจากนี้ พ่อยังมีการใช้ความยืดหยุ่นในการลามากขึ้น เช่น การแบ่งวันลาออกเป็น 2 ช่วง หรือหลายๆ ช่วง โดยในปี 2023 กว่า 50% ของพ่อเลือกที่จะแบ่งวันลา แสดงให้เห็นว่าพ่อหลายคนใช้สิทธิภาคบังคับทันทีหลังคลอด และเก็บวันลาที่เหลือไว้ใช้ในภายหลัง โดยอาจนำไปใช้ในช่วงที่ฝ่ายแม่กลับไปทำงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความยืดหยุ่นในการจัดการวันลายังคงขึ้นอยู่กับคุณภาพงานและสภาพการทำงาน โดยพ่อที่มีรายได้สูงหรือทำงานในภาคส่วนที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า มีแนวโน้มที่จะใช้ตัวเลือกนี้มากกว่า
ทั้งนี้ งานวิจัยนี้ไม่ได้ตรวจสอบโดยตรงว่าการเพิ่มวันลาของพ่อส่งผลต่อรูปแบบการทำงานในครัวเรือนหรือรูปแบบการจ้างงานอย่างไรบ้าง แต่หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าการสนับสนุนให้พ่อลาสามารถเปลี่ยนบรรทัดฐานทางสังคม สนับสนุนการมีส่วนร่วมของแม่ในกำลังแรงงาน และมีอิทธิพลต่อการรับรู้บทบาททางเพศของเด็กได้
แล้วในประเทศไทย สิทธิการลาคลอดและการลาเลี้ยงดุบุตรไปถึงไหนแล้ว?
ในประเทศไทย สิทธิลาคลอดตามกฎหมายในปัจจุบัน สำหรับแม่อยู่ที่ 98 วัน (หรือประมาณ 14 สัปดาห์) โดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้างไม่เกิน 45 วัน และได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตรจากประกันสังคมอีก 53 วัน
ส่วนฝ่ายพ่อ ยังไม่มีสิทธิลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยเฉพาะตามกฎหมายแรงงาน แต่บางองค์กรอาจมีนโยบายให้วันลาเพื่อดูแลบุตรกับพนักงานชายเป็นการภายใน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 สภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีสาระสำคัญในการวันลาคลอดจากเดิม 98 วันเป็น 120 วัน เพื่อส่งเสริมการมีบุตร เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกจ้าง และเสริมสร้างความผูกพันของครอบครัว
รวมถึงเพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างหญิงที่ลาคลอดสามารถลาอย่างต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรในกรณีที่บุตรมีภาวะความเจ็บป่วย มีความผิดปกติ หรือภาวะความพิการ และให้ลูกจ้างสามารถลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสผู้คลอดบุตรเลี้ยงบุตรได้ และยังมีรายละเอียดเพิ่มจำนวนวันจ่ายค่าจ้างให้ระหว่างลาคลอดบุตร
ทั้งนี้ ยังมีข้อเรียกร้องอื่นๆ จากภาคประชาชนที่ส่งเสียงถึงความเดือดร้อนและความจำเป็นในการเลี้ยงดูบุตร ที่ต้องการให้มีนโยบายสนับสนุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินสนับสนุนค่าคลอดบุตร ค่าสงเคราะห์บุตร รวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ที่อาจช่วยเหลือได้เพิ่มเติม
แนวทางนโยบายจากสเปนหรือฝั่งยุโรปที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และมีผลการศึกษาชี้ถึงผลดีที่เกิดขึ้นต่อทั้งตัวเด็กและต่อสังคมนี้ อาจเป็นบทเรียนที่น่าสนใจสำหรับนานาประเทศ และสำหรับไทย ที่อาจจะควรพิจารณาพัฒนาสวัสดิการด้านนี้ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต
อ้างอิงจาก