‘ธรรมนัส’ ชี้ ’ภาษีสหรัฐฯ‘ 19% สินค้าเกษตร ยังมีโอกาสแข่งขันได้
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงผลการเจรจาภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tarif) กับสหรัฐอเมริกา ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order)กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยที่ร้อยละ 19 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ว่า ตนในฐานะที่กำกับ ดูแลปากท้องของพี่น้องเกษตรกรโดยตรง ได้ติดตามและสั่งการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และผลลัพธ์ที่ออกมา ถือเป็นความสำเร็จจากการทำงานอย่างหนักของคณะเจรจาฝ่ายไทย
"ผมขอยืนยันกับพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศว่า รัฐบาลและพรรคกล้าธรรม จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบคนไทย และจะไม่ยอมให้ผลประโยชน์ของเกษตรกรต้องถูกกระทบกระเทือน“ ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในฐานะที่พรรครับผิดชอบดูแลกระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียม 3 หลักการเหล็ก ที่ได้กำชับให้เป็นธงในการเจรจาของฝ่ายไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางการค้าและผลประโยชน์ของเกษตรกรไทยอย่างถึงที่สุด ได้แก่ เกษตรกรไทยต้องกระทบน้อยที่สุด การเปิดตลาดใดๆ จะต้องไม่กระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาและผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรในประเทศอย่างเด็ดขาด ต้องมีมาตรการรองรับที่พร้อมใช้
ซึ่งตนได้สั่งการให้เตรียมมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจน และพร้อมใช้ทันที เพื่อดูแลเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบ โดยจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานสุขอนามัยของไทย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและรักษามาตรฐานการค้าของเรา
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การพิจารณาเปิดตลาดให้สหรัฐฯ จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัดกุม 4 ข้อ คือ ต้องเป็นสินค้าที่ไทยขาดแคลนสอดคล้องกับกรอบFTA ที่มีอยู่, เป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยต้องการเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และ ถั่วเหลือง และต้องเป็นการทยอยเปิดตลาด ไม่ใช่เปิดเสรีในทันที ซึ่งหลายคนอาจกังวลกับตัวเลข 19% แต่อยากให้มองในมุมยุทธศาสตร์ นี่คือความสำเร็จในการเจรจาที่ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งที่โดนภาษีสูงกว่าเรา สินค้าเกษตรคุณภาพของเราอย่าง ข้าว มะพร้าวอ่อน และทูน่า จะมีโอกาสบุกตลาดสหรัฐฯ ได้มากขึ้น ขณะที่สินค้าที่เราแข่งขันกับเวียดนามก็ยังสู้ได้สบายเพราะอัตราภาษีไม่ต่างกันมากนัก นี่คือการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
"พรรคกล้าธรรม จะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรฯ และทุกหน่วยงานเพื่อเตรียมมาตรการรับมือ ขอให้พี่น้องเกษตรกรสบายใจได้ ผมในฐานะหนึ่งในครอบครัวของกระรวงเกษตรฯ ขอให้คำมันว่าจะทำงานเชิงรุกร่วมกับทุกกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้การเจรจาในรายละเอียดจากนี้ไปเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย และจะดูแลปากท้องของทุกท่านอย่างดีที่สุด”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว