วอล์คกิ้งทัวร์ “ถนนทรงวาด” ย่านท่องเที่ยวสุดชิค ฮิปๆ ชิลๆ สไตล์จีนสุดคลาสสิค

“ถนนทรงวาด” จัดว่าเป็นย่านจีนโบราณ สุดคลาสสิก เป็นถนนสายประวัติศาสตร์ ตัดเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา รัชกาลที่ 5 ทรงวาด ถนนเส้นนี้ลงบนแผนที่ หลังเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในสำเพ็ง เมื่อปี 2449 เป็นย่านที่ให้กำเนิดเศรษฐีเมืองไทย ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าสำคัญของพระนครในช่วงเวลานั้น

แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของ “เจ้าสัว” และธุรกิจใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก ชื่อ “เจียไต้จึง” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาแรก ที่หัวมุมถนนทรงวาด-ราชวงศ์ ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ชื่อ “เฮียบเซ่งเชียง” ที่เป็นต้นกำเนิดของเครือสหพัฒนพิบูล

ปัจจุบันถนนทรงวาด ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าเก่าแก่ แต่ได้กลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ล่าสุด ของคนกรุงเทพฯ ในยุคนี้ ด้วยระยะทางความยาวของถนนเพียง 1,196 เมตร แต่เป็นย่านที่รวม คาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ และร้านค้าแบบชิคๆ ฮิปๆ ไว้ด้วยกันบนถนนสายเดียวนี้ ที่ยังคงเสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวินเทจ ที่เรายังสัมผัสได้

ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตของผู้คน และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ทั้งถนนเส้นนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 40 ถนนย่านคูลที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 จากการจัดอันดับของ Time Out สื่อด้านไลฟ์สไตล์อีกด้วย

การเดินทางมาทรงวาด ก็สะดวกมาก เราสามารถนั่งเป็นรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีวัดมังกร แล้วใช้ทางออก 1 แล้วเดินต่อมาประมาณ 600 เมตรก็ถึงถนนทรงวาดแล้ว หรือจะขึ้นเรือเข้ามาลงที่ ท่าเรือราชวงศ์ ก็ได้ แต่ถ้าจะขับรถไปเอง ก็สามารถนำรถไปจอดได้ที่ วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท หรือ เลยไปติดก็จะมีที่จอดรถเอกชน ชั่วโมงละ 40 บาท จุดสังเกตุ คือ ตึกที่มีสตรีทอาร์ตเป็นรูปช้างคู่

มาถึงเราเดินเที่ยวทรงวาดกันได้เลย มาที่นี่ครบเรื่อง กิน ดื่ม เที่ยว ช้อปปิ้งสินค้าสุดชิค แนะนำให้เดินขึ้นไปจนสุดถนนก่อน โดยระหว่างทางเดินมี “สตรีทอาร์ต”หลากหลาย ให้เราได้อดใจไม่ไหวต้องแวะถ่ายรูป

เปิดพิกัดที่เที่ยวถนนทรงวาด

จุดปักหมุดแรก เราแวะกันที่ร้าน“ เทน้ำ เทท่า” ที่นี่ไม่ใช่แค่คาเฟ่

แต่ด้านบนของร้าน ได้เปิดพื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศกาลหมุนเวียน โดยช่วงนี้จะเป็นมีการแสดงผลงานที่ชื่อว่า “ RE BIRTH” ของอาร์ติส “ธีรศักดิ์ ธนพัฒนากุล”

แล้วคุณจะต้องทึ่งไปกับการเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน ทั้งยังมีพื้นที่ให้เราเขียนระบายความรู้สึก

ความตื่นเต้นกับการได้ใช้ไฟฉายส่องหาสิ่งที่มีชีวิตท่ามกลางความมืด

ใครเป็นสายกาแฟ โรงคั่วกาแฟ ทรงวาด คือใช่เลย

ไฮไลต์ที่หลายคนต้องแวะเข้าไปปักหมุด คือ เวิ้งร้านค้าประตูไม้ ในตรอกแห่งนี้ มีจุดดึงดูดมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น การทำอาร์ตเวิร์ค สกรีนเสื้อยืด ซึ่งเราไปเลือกเสื้อยืดตราห่านคู่ และสติ๊กเกอร์หลากหลายแบบ มาคลีเอดสร้างลายเสื้อของเราเองได้เลย ราคาเสื้อเริ่มต้น 145 บาท

ทั้งในตรอกยังมีคาเฟ่เก๋ๆหลายร้าน รวมถึงจุดถ่ายรูปเก๋เพียบ

ใครชอบขนมปังหลากสไตล์ ทั้งเบเกิ้ล ไปจนถึง Shiopan หรือขนมปังเกลือที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ต้องไปลองที่ร้าน WABI’S

สำหรับคนชอบชาเขียว ต้องนี่เลย Matchamaru ร้านคาเฟ่มัทฉะพรีเมี่ยมนำเข้าผงชาแท้จากญี่ปุ่น มีชาเขียวให้เราเลือกสั่งได้หลายแบบ Yame, Ujinoko, Kagoshima

ใครเป็นมัทฉะเลิฟเวอร์ต้องมา ชาเขียวมัทฉะทานคู่กับของหวานฟินๆ อย่าง มัชชะ ทีรามิสุ บิงซู ชาเขียว รสสัมผัสเนียนๆ ท่ามกลางบรรยากาศสไตล์ร้านที่ออกแนวญี่ปุ่นมินิมอล

แต่หิวอยากจัดหนัก คอส้มตำต้องเข้าร้าน “ส้มตำ ไก่ BLACK 777” แซบมาก ยกนิ้วให้เลยกับเมนู “หมูย่างดราม่า” รสสัมผัสนุ่มหมักเข้ารส “ตำเส้นเล็กหมูยอ” เลิศมากรสชาติเข้มข้น

ทั้งยังมีอีกหลายร้าน อย่าง “โรงกลั่นเนื้อ” เอาใจสายชอบทานเนื้อ

ส่วน “โรงกลั่นหมู” ก็อยู่ตรงข้ามกัน

แต่ร้านที่คนต่อคิวรอขั้นสุด นี่เลย อุไร ห่านพะโล้ ทรงวาด ซึ่งคนยอมนั่งรอกินกันแน่นขนัด ทั้งคนไทยและต่างชาติ

หรือใครอยากทานแค่เค้กและของหวาน ก็มีร้านเค้กน่าตาดีเยอะอยู่ รอดักกันตลอดทาง

อิ่มท้องพร้อมเดินต่อชมตึกเก่าถนนทรงวาดกันต่อ ส่วนใครชอบแหล่งรวมสินค้างานคราฟต์ “ Road To CinnaMon” ร้านน้องใหม่ที่รวบรวมสินค้างาน คราฟต์ของคนไทย โดยผ่านการคัดสรรมาแล้วว่ามีเอกลักษณ์

เมื่อซื้อกลับไปก็จะนึกถึงทรงวาดแน่นอน สินค้างานคราฟท์ที่หลากหลายถูกนำมารวมกันภายในห้องแถวเล็กๆ ทำให้ร้านนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ซื้อของกลับบ้านได้ ทำให้ร้านค้าในย่านทรงวาดมีสีสันมากกว่าเดิม

ขณะที่ร้าน “ อ๊อยสเตอร์” ร้านขายของใช้ ของตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจ ที่มีทั้ง ช้อนส้อม ถ้วยชาม ของต่างๆ ให้เลือกซื้อ ตัวร้านตกแต่งโดยใช้โครงสร้างเดิมของอาคาร ทำให้มีกลิ่นอายของความเก่าแต่เก๋ ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในยุค 80

ส่วนสายมู พลาดไม่ได้กับ “ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง” ศาลเจ้าจีนเก่าแก่ที่อยู่บนถนนทรงวาดมายาวนาน และเป็นหนึ่งในศาลเถ้ากงที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ เทพเจ้าประจำท้องถิ่นที่คอยดูแลทุกข์สุขของราษฎรจีนโพ้นทะเล เลื่องชื่อในการประทานพรอันประเสริฐในทุกด้าน คนมักจะมาขอพรด้านการเงิน ธุรกิจ การงาน

ทั้งระหว่างทางเดินก็มีกิมมิก อย่าง เซียมซีพี่กระเทย ก็ลองแวะไปเซี่ยงเซียมซีกันดู

อีกจุดดื่มด่ำงานศิลป์ก่อนกลับแวะต่อกันที่ “Play Art House” แกลเลอรี่แห่งแรกบนถนนทรงวาด ซึ่งเกิดขึ้นในยุค GEN 3 เมื่อ คุณอุ๊ย – เกียรติวัฒน์ และคุณเอ๋-พัชรินทร์ ได้แปลงโกดังรองเท้าเก่า ให้เป็น “เพลย์ อาร์ต เฮาส์” ซึ่งจะมีงานแสดงนิทรรศการหมุนเวียนทุกเดือน และที่นี่เคยจัดแสดงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง ทั้งศิลปินไทย และ ศิลปินต่างประเทศ

โดยในช่วงนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “Work ไร้ Balance” ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานเลือนหายไป คนทำงานจำนวนมากกำลังเผชิญกับภาวะ "ไร้สมดุล"

โดยเป็นนิทรรศการภาพถ่ายเดี่ยวครั้งแรกของ “พิมพ์ลดา ธนโชคนิธิวัฒน์” ในชื่อ "Work (ไร้) Without Balance" จึงเป็นเหมือนกระจกสะท้อนชีวิตจริงของคนเมืองใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในจังหวะเร่งรีบอย่างกรุงเทพฯ และเมลเบิร์น จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ – 27 กรกฎาคม 2568

มาร่วมกันค้นหาความหมายของ “การมีชีวิตอยู่” ท่ามกลางความไม่สมดุล และอาจพบทางออกหรือมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตการทำงานให้มีความสุขและสมดุลมากขึ้น

ปิดท้ายก่อนกลับตบท้ายมื้อเย็นกับบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา ก่อนถึงลานจอดรถ ที่เราจอดรถไว้ เดินเข้าตรอกไปนิดเดินผ่านร้านเศษเหล็กไป ก็จะเป็นร้านอาหารไทย ร้านน้ำ 1608

มาปิดท้ายแสงสุดท้ายของวัน กับอาหารหลากเมนูกันในแบบชิลๆ

มาที่นี่ได้ฟิลเที่ยวกรุงเทพ ในอีกมุมมองใหม่ ผสมผสานความชิค และวินเทจได้อย่างลงตัว