เกาะประเด็นการเมืองวันนี้ จับตา 2 ส.ค. ‘ตู่’ ประกาศลงถนน ‘ม็อบให้กำลังใจ’
จากเหตุความไม่สงบบริเวณชายแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอสนับสนุนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ICT และทุนหมุนเวียน ใน กมธ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ไม่ควรปรับลดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อสนับสนุนให้ทุกเหล่าทัพมีความพร้อมเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยใช้ในการปกป้องชีวิตประชาชนและปกป้องอธิปไตยประเทศอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขอสนับสนุนให้มีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
ส่วนกรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยจะชุมนุมวันที่ 2 ส.ค. “เงาะ” วรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมทำให้คนไทยสับสน ขอให้คนกลุ่มนี้ใช้พลังในการชุมนุมขับไล่รัฐบาล เปลี่ยนเป็นการชุมนุมเพื่อส่งกำลังใจให้ทหารและพี่น้องประชาชนชายแดนจะดีกว่า ประเทศไทยไม่ควรต้องสู้ศึกหลายด้านทั้งภายในและภายนอก เพราะจะทำให้รัฐบาลพะวักพะวงเอาสมาธิที่จะต้องไปโฟกัสที่ปัญหาชายแดน
“คนกลุ่มนี้ทำงานรับใช้ใครกันแน่ เพราะหากชุมนุมขับไล่รัฐบาล จะเท่ากับช่วยกัมพูชาทางอ้อมหรือไม่ และวันนี้ขอให้กลุ่มสีเทา ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอลเซ็นเตอร์ บ่อนกาสิโนรอบประเทศไทย หรือยาเสพติด หยุดให้ทุนสนับสนุนม็อบกลุ่มนี้ เพื่อให้รัฐบาลได้ทำงานแก้ปัญหาเรื่องกัมพูชาด้านเดียว อยากให้ประชาชนลองนึกภาพดู ถ้าวันนี้ประเทศชาติไม่มีรัฐบาลจะเกิดอะไรขึ้น” นายวรชัย กล่าว
ด้านกลุ่มรวมพลังปกป้องอธิปไตย แถลงข่าวที่ โรงแรมรัตนโกสินทร์ (ห้องทับทิม) ถนนราชดำเนินกลาง นายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ยืดเยื้อจนเกิดสงครามก็เพราะผลประโยชน์ของสองตระกูล วันที่ 15 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุน เซน จนลุกลามบานปลายมาจนถึงวันนี้ มองว่าหากกองทัพไทยหยุดยิงในวันนี้ ในวันข้างหน้ากัมพูชาอาจยิงเข้ามาในไทยทีเผลอได้ และเรายังมี รมว.การต่างประเทศ อยู่หรือไม่ เนื่องจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ บินกลับมายังประเทศไทย เพราะถูกเรียกตัว แทนที่จะได้เข้าไปนำเสนอในห้องประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งกัมพูชาใช้นายกฯ ของเขาเสนอ
“ข้อเสนอวันนี้ของเราคือการนัดชุมนุมเพื่อแสดงตัวตน ปรากฏตัวร่วมกันในฐานะคนไทย ผู้ที่รักชาติ เพื่อให้กำลังใจทหาร สร้างขวัญกำลังใจให้ฝ่ายกองทัพ นอกจากนี้ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่จะมีการจัดชุมนุมนั้น เราจะมีจุดรับบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อที่จะส่งต่อให้กับทหารชายแดนและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่อยู่ตามศูนย์อพยพต่าง ๆ ขอเชิญชวนให้พี่น้องคนไทยนำธงชาติไทยติดไว้ตามบ้านด้วย” นายสมชาย กล่าว
“ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า การที่เรานัดชุมนุมในวันที่ 2 ส.ค. นี้ ค่อนข้างได้รับการตอบโต้จากรัฐบาลว่าเป็นการชุมนุมไม่รู้เวลา ตนเรียนว่า มันมีไอโอ ที่พยายามปั่นกระแส หาว่าเราเป็นพวกคลั่งชาติ หรือชาตินิยมสุดขั้ว อยากบอกว่า ถ้ารัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในฐานะนายกฯ และรัฐมนตรี รวมถึงกรณีของเสมียนประเทศ หากไม่ สทร. สงครามวันนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่เพราะเรื่องผลประโยชน์กว่า 30 ปี เมื่อวันหนึ่งมันไม่ลงตัว มันก็ลามมาสู่ประเทศ
ถ้าดูจากกรณีที่เจ้าตัวไปออกรายการผ่าทางตันที่เนชั่น มีการกล่าวอ้างว่า อยู่ที่ว่าใครอึดกว่ากัน แต่พอเกิดสงคราม กลับบอกให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของสมเด็จฮุน เซน ทำตัวเสมือนควบคุมทุกอย่าง แม้กระทั่งการรบของทหาร สังเกตดูจะพบว่าสงครามมีการพัฒนาและขยายพื้นที่ความเสียหาย กลางดึกวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด แล้วพอในช่วงเช้ามืดก็มีการปะทะเกิดขึ้น
ถามว่าคนไทยควรทำหน้าที่อย่างไร เพราะในเมื่อทั่วโลกเวลามีสงคราม อย่างอิหร่าน หรืออิสราเอล เป็นต้น ประชาชนจะมีการลงถนนเพื่อแสดงความกล้าหาญ ส่งกำลังใจให้แนวหน้าทหาร ปัจจุบันนี้ประเทศเรามีงบ 1.75 แสนล้านบาท (เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ) ควรเอาเงินส่วนนี้มาสำรองสำหรับสงครามก่อน มีการแจ้งรายการสิ่งของอุปโภคบริโภคจำเป็นที่ต้องการ เนื่องจากจำนวนผู้อพยพในแต่ละจุดมีจำนวนมาก จึงไม่มีความเพียงพอ เราจึงมาเป็นกระบอกเสียงเพื่อขอรับการบริจาคและสนับสนุนในวันที่ 2 ส.ค. เราไม่ได้ชุมนุมเพื่อเอาหน้า
สำหรับกิจกรรมก่อนถึงวันนัดชุมนุมใหญ่ 2 ส.ค. เราจะมีการเคลื่อนขบวนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.-1 ส.ค. ทุกวันเวลา 10.00 น. เพื่อไปให้กำลังใจ 5 เหล่าทัพ ดังนี้ วันที่ 29 ก.ค. ที่ กองบัญชาการกองทัพไทย (แจ้งวัฒนะ) วันที่ 30 ก.ค. ที่ กองทัพอากาศ (ดอนเมือง) วันที่ 31 ก.ค. ที่ กองทัพเรือ (ฝั่งธน) ในเวลา 10.00 น. ส่วนเวลา 13.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวันที่ 1 ส.ค. ที่ กองทัพบก (แยก จปร.ราชดำเนิน)
เว็บไซต์สำนักงาน กกต. เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. ยกคำร้องกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ถูกร้องขณะเป็นผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศกลุ่มที่ 4 กลุ่มการสาธารณสุข หมายเลข 76 ว่าลงสมัครรับเลือกเป็น สว. โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือก เพราะเคยต้องคำพิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นและศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาให้ลงโทษจำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล (คดีจับนักข่าวแก้ผ้า) เคยได้รับโทษจำคุก พ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ กกต. เห็นว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า การที่ นพ.เปรมศักดิ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายแล้ว เป็นการพยายามบรรเทาความเสียหาย อันพอจะฟังได้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ เองก็สำนึกในผลแห่งการกระทำ ถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง มีกำหนด 2 เดือน ตาม ป.อาญา ม. 23
การที่ นพ.เปรมศักดิ์ ถูกคุมขังที่สถานีตำรวจ 1 วัน จึงมิใช่เป็นการถูกคุมขังโดยหมายของศาล ถือไม่ได้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล ไม่ถือว่า นพ.เปรมศักดิ์ เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 14 (8) และ (9) และมาตรา 74
"ทีมข่าวการเมือง"