รู้หรือไม่? 17 ปีก่อน “น้ำมันโลก” เคยสูงสุดถึง 140 ดอลล์... ปัจจุบันราคายังต่ำกว่า “จุดสูงสุด” กว่า -53% รู้จัก 5 ทางเลือก ช่วยลงทุน “น้ำมันโลก” ง่ายๆ !!!

Wealthy Way: ยุติไปแล้วสำหรับ “สงครามอิสราเอล-อิหร่าน” 12 วัน พร้อมกับคำขู่ของแต่ละฝ่ายที่พร้อมจะเปิดศึกใหม่ได้ทุกเมื่อห้ามล้าเส้น ทำให้ราคา “น้ำมันโลก” ปรับตัวลงอีกครั้ง

ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบ “WTI” อยู่ที่ระดับ 65.03 ดอลลาร์/บาเรล ส่วน “WTI” อยู่ที่ 66.80 ดอลลาร์/บาเรล ไม่พุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาเรล ไปอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน

แต่รู้หรือไม่?…ย้อนไปเมื่อ 17 ปีก่อน กลางปี2008 นั้น ราคา “น้ำมันโลก” เคยขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 140 ดอลลาร์/บาเรล เลยทีเดียว และจากวันนั้นถึงวันนี้ราคาก็ยังไม่กลับไปสู่ระดับสูงสุดเดิมอีกเลย

ใช่แล้ว…ราคา “น้ำมันโลก” ปัจจุบันยังต่ำกว่า “จุดสูงสุด” เมื่อ 17 ปีก่อนกว่า -53% เลยทีเดียว ซึ่งหากจะกลับไปสู่ “ระดับสูงสุด” เดิมอีกครั้ง ต้องปรับตัวขึ้นจากปัจจุบัน 112 – 115% เลยทีเดียว ซึ่งตลอดระยะเวลา 17 ปีกว่าที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยกลับขึ้นไปได้เลย

“น้ำมันโลก” จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “สินทรัพย์ทางเลือก” ที่มี “ความเสี่ยงสูงมาก” นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลาง “ความผันผวน” ของราคา ก็มี “โอกาสการลงทุน” แฝงอยู่เช่นเดียวกัน สำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจ และรับความเสี่ยงได้สูง

สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนใน “น้ำมันโลก” นั้น มี 5 ทางเลือกที่สามารถจะทำได้ ซึ่งทางทีมงาน ‘Wealthythai’ ได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย

รู้จัก “WTI-Brent”…2 “น้ำมันดิบ” ที่ซื้อขายมากสุดในโลก

หากติดตามข่าวสารราคา “น้ำมันโลก” นักลงทุนจะคุ้นเคยกับ 2 ชื่อ ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก นั่นก็คือ น้ำมันดิบ“WTI” (West Texas Intermediate) และน้ำมันดิบ “Brent” นั่นเอง

โดย “WTI” ส่วนใหญ่ผลิตในแหล่งน้ำมันของ “สหรัฐ” โดยเฉพาะเท็กซัส โอคลาโฮมา และรัฐใกล้เคียง เป็นนำมันดิบปริมาณกำมะถันต่ำและความหนาแน่นต่ำ เหมาะสำหรับการกลั่นเป็นน้ำมันเบนซิน มีราคาอยู่ที่ตลาดแลกเปลี่ยนการค้านิวยอร์ก (NYMEX) เป็นหลัก

ส่วน “Brent” มีที่มาจากแหล่งน้ำมันใน “ทะเลเหนือ” ระหว่างสหราชอาณาจักรและนอร์เวย์ เป็นน้ำมันปริมาณกำมะถันต่ำและความหนาแน่นต่ำ เหมาะสำหรับการผลิตน้ำมันเบนซินและสารกลั่นระดับกลาง เช่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบิน

“ทั้งนี้ ‘น้ำมันโลก’ จะทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้าเป็นสำคัญ โดยตลาดที่สำคัญ ได้แก่ ‘ICE’ (Intercontinental Exchange) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ‘NYMEX’ (New York Mercantile Exchange) นิวยอร์ก สหรัฐ”

รู้จัก 5 ทางเลือก…ช่วยลงทุน “น้ำมันโลก” ง่ายๆ

แม้ราคา “น้ำมันโลก” จะทรงตัวในระดับต่ำมานาน และล่าสุด “JPMorgan” ก็ไม่ได้คาดว่าราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวสูงขึ้นมากแต่ประการใด โดยคาดว่า “น้ำมันดิบ” (Brent) ปีนี้ในกรณีฐานที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาเรล ต้นๆ - กลาง และเฉลี่ย 60 ดอลลาร์/บาเรลในปี26

“อย่างไรก็ตามในกรณีเลวร้ายสุดขีด เช่น ความขัดแย้งทางทหารเต็มรูปแบบ หรือการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ราคาน้ำมันอาจพุ่งแตะระดับ 120 –130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้เช่นกัน”

ซึ่งปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ยังคงอยู่ และอาจส่งผลกระทบต่อราคา “น้ำมันโลก” ในระยะสั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ในอีกมุมหนึ่งก็เป็น “โอกาสลงทุน” ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ ปัจจุบันมี 5 ทางเลือก ที่สามารถทำได้ ได้แก่

• กองทุนน้ำมัน (Oil Fund) ในไทย: ปัจจุบันมี 9 กอง ได้แก่ TOIL6, TISCOOIL, I-OIL, SCBOIL, K-OIL, KF-OIL, KT-OIL, ASP-OIL และ ES-OIL ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาด WTI เป็นสำคัญ
  
• ETF-น้ำมัน ในต่างประเทศ: ปัจจุบันนักลงทุนสามารถออกไปลงทุนใน ETF-น้ำมัน ในต่างประเทศได้โดยตรง ผ่านโบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศ ซึ่ง ETF-น้ำมันจะเน้นลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาดต่างๆ แต่ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ยังคงเป็นน้ำมันดับ WTI

“ไม่ว่าจะเป็น ETF-น้ำมัน ที่ ‘กองทุนน้ำมันไทย’ ไปลงทุน เช่น Invesco DB Oil Fund (DBO) หรือ United States Oil Fund (USO) ตลอดจน ETF-น้ำมันอื่นๆ ด้วยเช่นกัน”

“ทั้ง 2 ทางเลือกแรกนี้ จะเป็นการเข้าไปลงทุนในสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าโดยตรง ผ่านกองทุนน้ำมันหรือ ETF-น้ำมัน แต่ราคา NAV ที่ได้อาจจะไม่ได้ล้อกับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันโลกมากนัก เพราะเป็นการลงทุนในสัญญาล่วงหน้า ขึ้นกับโครงสร้างของสัญญาที่กองทุนเข้าไปลงทุนด้วยเช่นกัน”

• ETF-หุ้นพลังงานไทย: ปัจจุบันเหลือ 1 กองทุน ได้แก่ ENGY เน้นลงทุนตะกร้ากลุ่ม “หุ้นพลังงาน” ในตลาดหุ้นไทย เหมาะกับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนใน ‘หุ้นพลังงานไทย’แต่ไม่อยากปวดหัวว่ะลงทุนในหุ้นอะไรดี ลงทุนเป็นตะกร้าไปเลยก็สะดวก ที่สำคัฯใช้เงินไม่มาก ได้หุ้นหลายตัว ช่วยกระจายความเสี่ยงไปในตัวด้วย
• กองทุนหุ้นพลังงานโลก: เป็นกลุ่มกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนใน “หุ้นพลังงาน” ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำทั่วโลก ในไทยก็มี KT-ENERGY หรือจะลงทุนใน ETF-หุ้นพลังงานในต่างประเทศก็มีเช่นกัน
  
• หุ้นบริษัทพลังงานต่างประเทศ: ลงทุน “หุ้นพลังงาน” รายตัวโดยตรงในตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น Exxon Mobil Corporation (XOM) บริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ, Chevron Corporation (CVX) บริษัทน้ำมันที่มีขนาดใหญ่และมีการดำเนินงานทั่วโลก, ConocoPhillips (COP) บริษัทน้ำมันที่มีการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซ, EOG Resources, Inc. (EOG) บริษัทที่มีการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซ หรือ Pioneer Natural Resources Company (PXD) บริษัทที่มีการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซ เป็นต้น

“ส่วน 3 ทางเลือกหลัง จะเป็นการลงทุนผ่าน ‘หุ้น’ ของบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งคาดหวังการเติบโตของราคาหุ้นในระยะยาวจากผลประกอบการเป็นสำคัญ อาจไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันโลกในระยะสั้นโดยตรง”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเคลื่อนไหว “ขึ้น-ลง” ของราคา “น้ำมันโลก” มีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตประจำ วันของเราทุกคนบนโลกเป็นอย่างยิ่ง ในอีกมิติหนึ่งก็เป็น “โอกาสลงทุน” ด้วยเช่นกัน เสมือนเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากราคาพลังงานของโลกที่อาจจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต