โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ฟรุกโตสไซรัป ภัยร้ายในน้ำอัดลม ขนาดทรัมป์ขอให้โค้กเปลี่ยนสูตร

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในโลกของเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยฟองซ่าและความหวานชื่นใจ ที่หลายคนติดใจชอบซื้อหามาดื่มบ่อยๆ แต่ขณะเดียวกันเมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานข่าวที่อาจเปลี่ยนทิศทางของวงการน้ำอัดลมทั่วโลก เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า โคคา-โคลา ตอบรับข้อเสนอให้เปลี่ยนสูตรเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในประเทศ โดยจะหันมาใช้ "น้ำตาลอ้อย" แทน "น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง" (High-Fructose Corn Syrup – HFCS) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานราคาถูกที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารอเมริกันมาตลอดหลายสิบปี

กระแสข่าวดังกล่าวกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถกเถียงในวงการสุขภาพครั้งใหม่ว่า จริงหรือไม่ที่ HFCS ซึ่งใช้ในอาหารแปรรูปเกือบทุกชนิด ตั้งแต่ขนมปัง น้ำอัดลม ไปจนถึงเครื่องปรุงรส อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของวิกฤติสุขภาพในยุคนี้

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า “ผมได้คุยกับโคคา-โคลาให้เปลี่ยนไปใช้น้ำตาลอ้อยแท้ๆ ในโค้กที่ขายในสหรัฐฯ และพวกเขาก็ตกลงแล้ว” โดยขอบคุณผู้บริหารของบริษัทที่ให้ความร่วมมือ

ขณะเดียวกัน โฆษกของโคคา-โคลา ออกมายืนยันว่า บริษัทเตรียมเปิดเผยรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้

ความเคลื่อนไหวของโคคา-โคลาในครั้งนี้ เป็นผลจากแรงผลักดันของโครงการ “Make America Healthy Again (MAHA)” ที่ทรัมป์จัดตั้งขึ้นร่วมกับ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขของสหรัฐฯ โดยเป้าผลักดันให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหาร “หันมาฟังเสียงสุขภาพของผู้บริโภค” ลดการใช้สารเติมแต่ง และหาส่วนผสมที่เป็นมิตรกับร่างกายมากขึ้น ซึ่ง HFCS ก็ติดโผสารที่ถูกตั้งคำถามมานาน

ย้อนรอย HFCS ความหวานราคาถูก แต่อาจก่อโรคร้าย-จ่ายค่ารักษาแพง

HFCS (High-Fructose Corn Syrup) หรือน้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตสสูง หรือ แบะแซ ไม่ใช่ของใหม่ในวงการอาหาร มันถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 ในห้องแล็บของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น และเริ่มแพร่หลายในสหรัฐฯ ช่วงทศวรรษ 1970 โดยถูกนำมาใช้แทนที่น้ำตาลอ้อย (ที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า) ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

ด้วยข้อดีคือ “หวานมาก ราคาถูก เก็บได้นาน” ทำให้ HFCS กลายเป็นส่วนผสมยอดนิยมในเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ขนมปัง ซีเรียล ขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม และซอสปรุงรสแทบทุกชนิดในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป โดยเฉพาะในสหรัฐฯ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง HFCS กลับถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพมานานหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันไม่ได้มาในรูปแบบ “น้ำตาลที่เรามองเห็นได้ง่าย” แต่แฝงตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่บริโภคกันเป็นประจำจนหลายคนไม่รู้ตัวว่ารับเข้าไปมากแค่ไหน

ทำไม HFCS ถึงถูกจับตามองในวงการแพทย์และโภชนาการ?

HFCS เป็นน้ำเชื่อมที่ผลิตจากแป้งข้าวโพด ผ่านกระบวนการเอนไซม์เพื่อแปลงแป้งให้กลายเป็นน้ำตาล โดยเฉลี่ยแล้ว HFCS ที่ใช้ในอาหารอเมริกันมักมีสัดส่วนฟรุกโตสราว 55% และกลูโคส 45% ขณะที่น้ำตาลทรายทั่วไปมีอัตราส่วน 50:50

ความแตกต่างนี้แม้จะดูเพียงเล็กน้อย แต่ในเชิงชีวภาพกลับมีผลมาก ฟรุกโตสไม่สามารถใช้เป็นพลังงานโดยตรงเหมือนกลูโคส แต่ต้องผ่านการแปรรูปที่ตับก่อน ซึ่งหากได้รับมากเกินไป ตับจะเปลี่ยนฟรุกโตสเป็นไขมัน นำไปสู่ ภาวะไขมันพอกตับ, ตับอักเสบ, หรือแม้แต่ ตับแข็งในระยะยาว

งานวิจัยยังพบความเชื่อมโยงระหว่าง HFCS กับ โรคอ้วน, เบาหวานชนิดที่ 2, ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่บริโภคน้ำอัดลมและอาหารแปรรูปเป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้น HFCS ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนในการรบกวนการหลั่ง “ฮอร์โมนอิ่ม” อย่าง เลปติน (Leptin) ทำให้เรารู้สึกหิวบ่อย และกินอาหารมากเกินจำเป็นโดยไม่รู้ตัว

เสียงเตือนจากแพทย์ไทย กินหวานเกินพอดี เสี่ยงโรคเรื้อรัง

ก่อนหน้านี้ มีประแสบนโลกออนไลน์แชร์รัวๆ ว่า HFCS คือสารเร่งให้เกิดไขมันพอกตับรวดเร็ว แต่ทางโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขของไทย ออกมาชี้แจงผ่านศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแล้วว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยใดที่แสดงให้เห็นว่า ไฮฟรุกโตสคอร์นไซรัปนั้นเป็นสาเหตุหลักต่อไขมันพอกตับหรือโรคตับอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่ชี้ชัดว่า HFCS เป็นสาเหตุโดยตรงของโรคตับหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมาเตือนถึงอันตรายของการบริโภคฟรุกโตสไซรัปในปริมาณสูง รวมถึงการบริโภคน้ำตาลชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลูโคส ซูโครส แลคโตส ที่ได้จากผลไม้ อาหาร นม หรือเครื่องดืมอื่นๆ ที่มีรสหวานมากๆ หากกินปริมาณมากเกินไปชก็ล้วนเสี่ยงภัยสุขภาพไม่ต่างกัน

ข้อมูลจาก Scimath.org ซึ่งรวบรวมความเห็นจากแพทย์ไทยหลายคน รวมทั้งนักโภชนาการ ชี้ว่า หากคนเราบริโภคฟรุกโตสเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์สะสมในตับและหน้าท้อง โดยหากปล่อยให้ฟรุกโตสสะสมในตับมากเกินไป อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดัน รวมถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดมะเร็งตับ

ขณที่ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็แนะนำสอดคล้องกันว่า ผู้บริโภคไม่ควรรับประทานน้ำตาลชนิดใดๆ ก็ตามเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ผลสำรวจกลับพบว่าคนทั่วไปบริโภคเกินกว่านั้นหลายเท่า โดยไม่รู้ตัว เพราะน้ำตาลมัก “แฝงตัว” อยู่ในอาหารที่เรานึกไม่ถึง เช่น น้ำผลไม้พร้อมดื่ม โยเกิร์ตรสหวาน ขนมปัง หรือซอสมะเขือเทศ

6 เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง HFCS เพื่อสุขภาพในระยะยาว

แม้จะให้ความหวานคล้ายกับน้ำตาลทราย แต่คอร์นไซรัปฟรุกโตสสูงกลับส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คิด โดยเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายอย่างที่บอกไปข้างต้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก Healthline ย้ำชัดอีกครั้งถึง 6 เหตุผลหลักที่ควรหลีกเลี่ยง HFCS เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าในระยะยาว

1. เพิ่มปริมาณฟรุกโตสในร่างกายเกินระดับจำเป็น

ฟรุกโตสใน HFCS ไม่ได้ถูกดูดซึมและเผาผลาญง่ายเหมือนกลูโคส แต่ต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนเป็นพลังงาน (ไขมัน) ที่ตับ ในอดีตมนุษย์บริโภคฟรุกโตสจากผลไม้ตามธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบัน ปริมาณฟรุกโตสที่ร่างกายได้รับ พุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวล

2. อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับ

การบริโภคฟรุกโตสจำนวนมากต่อเนื่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ ไขมันสะสมในตับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไขมันพอกตับที่ไม่เกิดจากแอลกอฮอล์ และยังเพิ่มความเสี่ยงของเบาหวานชนิดที่ 2 งานวิจัยหนึ่งพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมที่มี HFCS ติดต่อกัน 6 เดือน มีไขมันในตับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มนมหรือน้ำเปล่า

3. กระตุ้นโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน

ฟรุกโตสใน HFCS มีแนวโน้มทำให้ร่างกาย สะสมไขมันหน้าท้อง (Visceral Fat) ซึ่งเป็นไขมันที่อันตรายที่สุด เพราะล้อมรอบอวัยวะภายใน นอกจากนี้ยังรบกวนให้ฮอร์โมนความอิ่มไม่ทำงาน ผลลัพธ์คือเราจะกินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว งานวิจัยระบุว่า การบริโภคฟรุกโตสจำนวนมากเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนอย่างชัดเจน และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะน้ำหนักเกิน

4. เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน

การได้รับฟรุกโตสในปริมาณมากบ่อยครั้ง สามารถทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่เรื่อยๆ และเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 รวมถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด

5. เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงอื่นๆ

การบริโภค HFCS มากเกินไปยัง กระตุ้นการอักเสบในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุพื้นฐานของโรคหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง โรคเกาต์ และโรคอักเสบเรื้อรังอื่นๆ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดสารอนุพันธ์ที่ชื่อว่า AGEs (Advanced Glycation End Products) ซึ่งทำร้ายเซลล์และเร่งความเสื่อมของร่างกายอีกด้วย

6. ไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

HFCS เป็นเพียงพลังงานเปล่า (empty calories) ซึ่งหมายความว่า ให้แต่แคลอรีโดยไม่ให้วิตามินหรือแร่ธาตุที่มีประโยชน์ ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับพลังงานเกิน แต่ขาดสารอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน การบริโภคน้ำอัดลมที่มีคอร์นฟรุกโตสบ่อยครั้ง จะไปเบียดเบียนแคลอรีที่ควรจะได้รับจากอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนที่มีคุณภาพ

ท้ายที่สุด กรณีการเปลี่ยนสูตรเครื่องดื่มของโคคา-โคลาในสหรัฐฯ อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทบทวน “ความหวานในชีวิตประจำวัน” ว่า แท้จริงแล้วร่างกายเราควรกินหวานเท่าไหร่ และได้จากแหล่งใด จึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพ ทั้งนี้ การอ่านฉลากโภชนาการ, ลดน้ำตาลแฝง, และงดกินอาหารแปรรูป อาจเป็นก้าวเล็กๆ ที่เปลี่ยนสุขภาพระยะยาวของคุณได้อย่างมหาศาล

เพราะในยุคที่อาหารพร้อมทานมีให้เลือกมากมาย ความรู้เท่าทันคือเครื่องมือที่ดีที่สุดของผู้บริโภค

อ้างอิง: กรมอนามัย, Scimath.org, กรุงเทพธุรกิจNEWS, MGR, Healthline, ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม, XinhuaThai

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

แรงซื้อ ‘ทองคำ’ จากแบงก์ชาติแผ่ว หวั่นราคาร่วง หลังพุ่งทำนิวไฮไม่หยุด

35 นาทีที่แล้ว

'จตุพร' ซัดรัฐบาลเฮงซวย เจรจาหยุดยิง ทำไทยเสียปราสาทตาควาย

35 นาทีที่แล้ว

SCG สู้ศึกครึ่งปีหลังชูอาเซียนรับมือ 'ภาษีสหรัฐ' ลดต้นทุนปั้น HVA-Green โต

37 นาทีที่แล้ว

น้ำใจคนไทยไม่มีหมด แนะเลือกวัตถุดิบอาหารที่มีคุณภาพดีส่งมอบแก่ผู้ประสบภัย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

ไทยแลนด์ สุดจัด ติด Top10 ประเทศที่สนุกที่สุด หนึ่งเดียวในเอเชีย

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

เปิดประตูสู่ Miami Beach เมืองที่เซเลบฯ เลือกไปเยือนในวันหยุด

Hello Magazine Thailand

NEWS UPDATE: ผลวิจัยชี้ พ่อแม่ Gen Y ทุ่มใช้จ่ายเพื่อลูกสูงกว่า 2 เท่า แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนก็ตาม

Mood of the Motherhood

สค. ปิดกิจกรรมเสวนาสัญจร หนุนพลังสังคมขับเคลื่อนงานสตรีและความเสมอภาค

สยามรัฐวาไรตี้

MIND: ‘ยุคแห่งความกลัว’ กำลังให้กำเนิดโลกที่ไร้เหตุผล เมื่อผู้คนใช้ตรรกะแบบชนเผ่า

BrandThink

ขจัดทุกคราบสกปรก เทคนิคซักผ้าแบบมือโปร ให้ผ้าสะอาดเหมือนใหม่

sanook.com

“ไสยศาสตร์เขมร” ที่ใช้ทำร้ายผู้อื่น เรียกว่า “มนต์ดำ”

ศิลปวัฒนธรรม

‘นฤมล’ประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...