เปิดผลกระทบถูกเก็บภาษี 36% ไทยเสียตลาดสหรัฐฯ-ส่งออกปี 68 พลาดเป้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินกรณีไทยถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 36% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 68 จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะภาษีไทยจะสูงกว่าหลายประเทศในเอเชียที่เจรจาจบแล้ว ที่สำคัญสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 โดยปี 67 มีสัดส่วนส่งออกถึง 18% ของมูลค่าส่งออกไทยไปโลก หากการส่งออกชะลอตัว จะทำให้ภาคการผลิต ห่วงโซ่การผลิตทั้งหมด ทั้งสินค้าขั้นต้น ขั้นกลาง และสินค้าสำเร็จรูป ลดลงด้วย
ทั้งนี้ หากไทยถูกเก็บภาษี 36% จะทำให้การส่งออกไทยปี 68 เหลือขยายตัว 0.5 – 1.5% เทียบกับปี 67 มีค่ากลางที่ 1.0% จากเดิมที่คาดขยายตัว 2-3% คิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 153,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กำแพงภาษีสหรัฐฯ จะทำให้ทุกประเทศทั่วโลกเร่งหาตลาดส่งออกอื่นทดแทน ทำให้สินค้าของทุกประเทศเข้าไปแข่งขันในตลาดที่ไทยครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่แล้ว หรือตลาดใหม่ๆ ที่ไทยพยายามจะเข้าไป ขณะที่หลายประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อาจเพิ่มนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น และลดการนำเข้าสินค้าไทย ขณะเดียวกัน นักลงทุนอาจย้ายฐานผลิตหรือกระจายการผลิตไปประเทศที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ต่ำ เพื่อกระจายความเสี่ยงในระยะกลางและยาว ส่วนระยะสั้นอาจชะลอลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกไปสหรัฐฯ หรืออยู่ในห่วงการผลิตที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้วิเคราะห์สินค้าส่งออกไทยที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. สินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง 2. สินค้าพิเศษที่ถูกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูง หรือกลุ่มสินค้าที่ถูกใช้มาตรา 232 กฎหมายขยายการค้า 3. สินค้าที่อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการ ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูง 4. สินค้าดาวร่วง ที่ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ให้ประเทศอื่นๆ
สำหรับสินค้ากลุ่ม 1 ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูงสุด 12 อันดับแรกนั้น พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากกว่า 28% หรือมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ มากถึง 28% ของมูลค่าส่งออกของไทยไปโลก ได้แก่ 1. เฟอร์นิเจอร์ที่นอน โคมไฟ 2. เครื่องดนตรี 3. เครื่องแต่งกายถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ 4. เครื่องหนัง เครื่องใช้สำหรับเดินทาง กระเป๋าถือ 5. เครื่องแต่งกายที่ไม่ได้ถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ 6. เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 7. ของทำด้วยหิน ซีเมนต์หรือวัตถุที่คล้ายกัน 8. ของเล่น เครื่องกีฬา เกมส์ และอุปกรณ์ 9.เครื่องมือ ของใช้ มีคม ทำด้วยโลหะสามัญ 10.โลหะสามัญชนิดอื่น 11.ของปรุงแต่งทำจากพืชผัก ผลไม้ ลูกนัต และ12. เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน
ส่วนกลุ่ม 2 สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีกับทุกประเทศตามมาตรา 232 ตั้งแต่ต้นปี 68 เช่น กลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียม ถูกเก็บภาษี 50% และรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ 25% เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมพื้นฐาน และสนับสนุนให้เกิดการผลิตในประเทศมากขึ้นนั้น มูลค่าสินค้าไทยที่ถูกใช้มาตรานี้อยู่ที่ 17,091.3 ล้านเหรียญฯ
ขณะที่สินค้ากลุ่ม 3 คือ 1. เครื่องจักรกล 2. ยางและผลิตภัณฑ์ 3. เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า 4. ยานพาหนะและชิ้นส่วน 5. ของทำด้วยเหล็ก 6. เฟอร์นิเจอร์ 7. อลูมิเนียมฯ 8. ของเบ็ดเตล็ดทำด้วยโลหะ 9. ของเล่น เครื่องกีฬา 10. เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ 11. อากาศยาน 12. ผลิตภัณฑ์เบ็ดเตล็ด 13. ร่ม ไม้เท้า และสินค้ากลุ่ม 4 ซึ่งปี 67 ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดไปแล้วบางส่วน เช่น ของทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า, วัตถุจากพืชที่ใช้ถักสาน ผลิตผลจากพืช, เส้นใยสิ่งทอจากพืชอื่นๆ ด้วยกระดาษ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการเจรจาปรับลดภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้ ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ระบุเมื่อวันที่ 25 ก.ค.68 ว่า ไทยได้ปรับปรุงและยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มแล้ว 99.99% ซึ่งสหรัฐกำลังพิจารณาอย่างเข้มข้นในเงื่อนไขที่ไทยปรับปรุง รวมถึงสิ่งที่ทางสหรัฐฯ ขอเจาะจงมายังไทย หลังจากนี้จะต้องรอคำตอบจากสหรัฐฯ คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงด้านภาษีได้ก่อนวันที่ 1 ส.ค.นี้ จากนั้น ไทยจะนำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดผลกระทบถูกเก็บภาษี 36% ไทยเสียตลาดสหรัฐฯ-ส่งออกปี 68 พลาดเป้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไทยสร้างไทย จี้สอบแก๊งลักลอบขนน้ำมันปาล์มมาเลย์ ผ่านไทยไปเมียนมาเอี่ยวถึง รมต.
- สั่งกระทรวงพาณิชย์เร่งช่วยผู้ประกอบการชายแดน หาตลาดใหม่ รับซื้อสินค้า
- รายจ่ายเพิ่มสวนทางเงินเฟ้อ
- “จตุพร” โดดเคลียร์ “สระแก้ว”
- เริ่มงานวันแรก “ฉันทวิชญ์” รมช.พาณิชย์ ลุย 3 ภารกิจเร่งด่วน ไปหนองคาย 5 ก.ค.
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath