ทรัมป์ขู่รัสเซีย! ให้เวลา 50 วันหยุดสงครามยูเครน พันธมิตรเสี่ยงเจอโดนภาษี 100%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนอย่างแข็งกร้าวต่อรัสเซีย โดยให้เวลา 50 วันในการยุติสงครามในยูเครน มิเช่นนั้นประเทศใดก็ตามที่ยังคงทำการค้ากับรัสเซียจะเผชิญกับภาษีการค้าแบบทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) สูงถึง 100% ซึ่งถือเป็นการยกระดับแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อประเทศพันธมิตรของรัสเซียทั่วโลก

ทรัมป์ประกาศจุดยืนดังกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ มาร์ค รุตเทอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่ทำเนียบขาว โดยแสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้าในการเจรจาสันติภาพ และระบุว่าตนเคยหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียได้ตั้งแต่สองเดือนก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมย้ำว่าแนวคิดในการใช้มาตรการภาษีเพื่อตัดเส้นเลือดเศรษฐกิจของมอสโกไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คราวนี้ถึงเวลาลงมือจริงหากไม่มีการตอบสนอง

ด้านรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งต่อคำขู่ดังกล่าว โดยเซอร์เก รียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า มอสโกยังเปิดกว้างต่อการเจรจา แต่ไม่ยินดีรับฟัง “คำขู่หรือคำขาดจากภายนอก” พร้อมย้ำว่ารัสเซียจะไม่ถูกบีบบังคับด้วยมาตรการกดดันเชิงเศรษฐกิจใดๆ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการจากทำเนียบเครมลินต่อคำขาด 50 วันของทรัมป์

ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดในสนามรบยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัสเซียเพิ่มความถี่ของการโจมตีทางอากาศต่อยูเครนในช่วงเดือนมิถุนายน 2025 ผ่านโดรนและขีปนาวุธหลายระลอก โดยมีเป้าหมายโจมตีทั้งโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและพลเรือน ส่งผลให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ ข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตมากถึง 232 ราย และบาดเจ็บอีก 1,343 คน ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบ 3 ปีของสงครามยูเครน

ในท่ามกลางวิกฤตการณ์นี้ NATO ได้ประกาศข้อตกลงความร่วมมือด้านอาวุธครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนยูเครน โดยเฉพาะการส่งมอบระบบขีปนาวุธ Patriot ซึ่งเป็นระบบเดียวในขณะนี้ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธจากรัสเซียได้ โดยมีหลายประเทศเข้าร่วมในข้อตกลงครั้งนี้ เช่น เยอรมนี ฟินแลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา โดยรุตเทอระบุว่า “ความเร็วคือหัวใจสำคัญ” ในการส่งอาวุธถึงแนวหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ทรัมป์เสริมว่าข้อตกลงนี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และประเทศหนึ่งมีระบบ Patriot ถึง 17 ระบบที่กำลังเตรียมจัดส่ง ขณะที่นอร์เวย์จะส่งมอบแบตเตอรี่ขีปนาวุธเพิ่มเติมด้วย พร้อมยืนยันว่าการจัดหาอาวุธในครั้งนี้จะสอดคล้องกับความต้องการสำรองของกองทัพสหรัฐฯ เองด้วย

ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต แม้จะสามารถสกัดกั้นการโจมตีได้ถึง 70% แต่ด้วยจำนวนการโจมตีที่ถี่ขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า ทำให้หลายครั้งโดรนและขีปนาวุธทะลุแนวป้องกันไปได้ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานและชีวิตประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ทรัมป์ยกตัวอย่างกรณีพิพาทในอดีตระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน และรวันดา-ดีอาร์คองโก เพื่อสนับสนุนแนวคิดว่าการกดดันทางการค้าสามารถยุติสงครามได้ พร้อมระบุว่า “เราประสบความสำเร็จมาแล้วในการยุติสงครามด้วยเครื่องมือทางการค้า”