ตั้ง“วิทัย รัตนากร ”นั่งผู้ว่าฯธปท.
ครม.ตั้ง"วิทัย รัตนากร" นั่ง"ผู้ว่าฯธปท." คนใหม่ ด้าน“ภูมิธรรม”ขอดูข้อสรุปงบฯ “กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น”ถูก ริบ 4.2 หมื่นล้าน ยันพร้อมหาทางเยียวยา“อปท.” ส่วน“จุลพันธ์”บอกยังไม่จบ เตรียมนัดประชุมใหม่ภายใน 2 วัน ส่วน“ประเสริฐ” ยัน"ทักษิณ"ร่วมวงดินเนอร์ ไม่ถือเป็นการครอบงำ ลั่นไม่หนักใจคำร้องปมกินข้าว “บ้านจันทร์ส่องหล้า”ขณะที่ ศาลรัฐธรรมนูญ นัด 10 ก.ย. วินิจฉัยคดีแก้ รธน.ต้องทำประชามติกี่ครั้ง
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทําเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30กันยายน 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ประชุมคณะกรรมการอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท โดยจะทบทวนงบของท้องถิ่น 4.2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบและการพัฒนาทุนมนุษย์ ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน ก็ขึ้นอยู่ว่านายพิชัยจะประชุมและพิจารณาอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่มีการถกเถียงที่ยังค้างจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนายพิชัยได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่การเอื้อ เพื่อเป้าหมายในการในการกระตุ้น ถ้าไม่เข้าเงื่อนไข ต้องพิจารณานำไปใช้ในส่วนที่กระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงต้องรอฟังจากคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า หากท้องถิ่นถูกตัดงบทั้งหมดจะไม่สูญเสียกำลังใจใช่หรือไม่ เพราะให้ไปกระจายอำนาจแต่ไม่มีงบประมาณไปทำ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบที่จะต้องหาทรัพยากรให้ไปทำงาน
เมื่อถามว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย จะทำอย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยออกมาโวยในที่ประชุม ครม.ว่างบส่วนนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มีการโยกงบให้กับบางจังหวัด แต่สุดท้ายคณะอนุฯ กลับนำงบส่วนนี้ไปทำอย่างอื่น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ นายเดชอิศม์แค่ถามว่างบดังกล่าวนี้เป็นอย่างไร ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ใช่งบกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นความบกพร่องของผู้รับผิดชอบครั้งก่อน ที่ทำให้ไม่เข้าเป้าตามที่เขาขอ และทำให้เกิดปัญหา ก็ต้องไปว่ากันตรงกันนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายเดชอิศม์ต้องไปไปคุยกับอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม ในฐานะ รมว.มหาดไทย จะต้องไปสู้กับการริบงบประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงต้องไปชี้แจงความเข้าใจ ส่วนจะมีเลือกหรือทางออกอย่างไร ถ้ายืนยันเป็นแบบนั้น เราก็ต้องหาทางออก เพราะเรา ดูแลรับผิดชอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว แต่ว่าตนเองจะไปดูข้อเท็จจริงว่าตัดสินใจด้วยเหตุผลใดก่อน ถ้ามีความชัดเจนก็เป็นหน้าของตนเองก็มีหน้าที่ในแก้ปัญหาและเยียวยา เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ในการดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเป็นองค์กรพื้นฐานที่จะดูแลพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ริบงบดังกล่าวมีสาเหตุมาจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยมีหนังสือเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปออกมา ซึ่งในวัน 1-2 วัน จะมีการประชุมกันอีกครั้ง เรื่องนี้ขอให้รอฟังคำชี้แจงจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง
ทางด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นพรรคร่วมรัฐบาลในเย็นวันนี้ (22ก.ค.) ทำให้มีการตั้งคำถามว่าจะเป็นการครอบงำหรือไม่ ว่า การพูดคุยกินข้าวกัน ไม่ถือเป็นการครอบงำเพราะไม่มีการสั่งการให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ สังคมไทยเจอหน้ากันทานข้าวกันได้เป็นเรื่องปกติ ตนคิดว่าเรื่องนี้หากมองเป็นการครอบงำ ต่อไปเมื่อเจอหน้ากันก็ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี แม้แต่การทักทายกันยังลำบาก ส่วนที่มีการร้อง ไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการทานข้าวกันที่บ้าน จันทร์ส่องหล้าในวันก่อนเลือกนายกฯนั้นเป็นเรื่องที่มีผู้ร้องไป พรรคเราไม่ได้หนักใจเพราะไม่มีข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า มีตั้งคำถามว่านายทักษิณ ไปในฐานะอะไรนั้น เพราะการทานข้าวของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยมีคนนอกเข้าร่วม นายประเสริฐ กล่าวว่า นายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ การที่มีพรรคเพื่อนฝูงเป็นที่รู้จัก และหลายพรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาล ต่างคุ้นเคยกับนายทักษิณ ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการพบปะพูดคุยเจอกัน และไม่มีการสั่งการอะไรที่จะถือเป็นการครอบงำ เรามั่นใจว่านายทักษิณสามารถไปร่วมได้ และที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเจอกันหลายครั้งในสถานที่ต่างๆ
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเข้าร่วมดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ว่า คงไม่ดูแค่การดินเนอร์วันนี้ และสังคมไม่ได้รู้สึกว่า การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แตกต่างอะไรเลยไม่ได้ทำให้สังคมอยู่ไม่ได้ จะมีน.ส.แพทองธารปฏิบัติหน้าที่เป็นนายก หรือไม่ ไม่ได้สร้างความแตกต่าง กลายเป็นว่าวันนี้นายทักษิณใช้จังหวะนี้ในการแสดงบทบาทนำของตัวเองมากขึ้น เรื่องดินเนอร์ทานข้าวก็เป็นดุลยพินิจของพรรคร่วมรัฐบาล แต่วันนี้หลายฉากที่เกิดขึ้นนายทักษิณแสดงบทบาทนำแล้วทำให้น.ส.แพทองธารถูกคิดถึงน้อยลง
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องจะเหมาะสมหรือไม่ก็ไปว่ากันในดุลยพินิจของแต่ละคน แต่วันนี้ตนคิดว่าเราควรจะมีนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในเมื่อนายกรัฐมนตรีถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อก็คือปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆ มากมาย ควรจะได้รับการแก้ไขหรือไม่ ทั้งเรื่องคลิปเสียง ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา แม่น้ำกก มีความท้าทายอยู่ เราต้องยอมรับว่ามันไม่ได้รับการแก้ไข และต้องพูดกันว่าความชอบธรรมของน.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยไม่มีเหลืออยู่แล้ว เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ น.ส.แพทองธาร ไม่ถูกคิดถึง ในฐานะนายกรัฐมนตรีอีกแล้วเพราะขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
"ตอนนี้ต้องเอาผู้อาวุโสบั้นปลายชีวิต ที่ใช้บารมีสุดท้ายที่เคยสะสมมาตลอดเวลามาเผาเล่น โดยหวังว่าจะใช้บารมี ที่มีในช่วงสุดท้ายในการประคองพรรคเพื่อไทย ประคองตระกูลชินวัตรประคองลูก วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดที่ผิด ประเทศของเราควรจะเดินหน้าได้เสียที และการจะเดินหน้าได้มันต้องหลุดพ้นจากการเมืองแบบนี้ได้แล้ว" นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่ารัฐบาลจะไปรอดถึงขั้นไหน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนก็มีคำถามเหมือนกันเราอยู่ในจังหวะที่พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลง่อนแง่นมาก เป็นช่วงเวลาที่เราต้องยอมรับว่า ล่าสุดในสัปดาห์ที่แล้วในแง่ของเรื่ององค์ประชุมสภาพรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถประคองได้เลย พร้อมที่จะล่มตลอดเวลา ถ้าจังหวะไหนไม่เข้มแข็ง ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายแทบจะเป็นไปไม่ได้ ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะมีความสามัคคีในการปกครองสภา ดังนั้นการผลักดันนโยบายต่างๆ ก็ยิ่งมีปัญหาต่อไป ไม่ใช่แค่นโยบายเรือธงที่ผลักดันไม่ได้ แม้แต่ในการเป็นรัฐบาลที่ดี ในแบบที่ควรจะเป็น ก็ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ได้
ส่วนที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 17 มี.ค.68 พิจารณาญัตติด่วนที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหา เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยผลการลงมติในญัตติดังกล่าวว่า ที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นด้วยให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจ ของรัฐสภาตามญัตติ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 ประธานรัฐสภา ผู้ร้อง จึงส่งเรื่องดังกล่าว ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ให้พยานผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันพุธที่ 10 ก.ย.เวลา 09.30 น.
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยเตรียมตรวจสอบ และดำเนินคดีทางกฎหมายกรณีปราศรัยช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส. จ.ศรีสะเกษ พาดพิงพรรคภูมิใจไทย ว่า เขาบอกว่าตนไปกล่าวหาว่าไม่แก้ปัญหายาเสพติดใช่หรือไม่ และบอกว่ากระทรวงมหาดไทยไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหน้าที่ไปแก้ปัญหายาเสพติด ดังนั้น ถ้าฟ้องตนในประเด็นนี้แสดงว่าเขารับสารภาพว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้สั่งการ เพราะไม่มีหน้าที่ ทั้งที่ในประมวลกฎหมายยาเสพติด มีทั้งกระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกระทรวงมหาดไทยเป็นแนวร่วมการดำเนินการหลัก โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาลเรื่องแก้ปัญหายาเสพติด
ส่วนที่บอกว่าอำนาจหน้าที่หลักเป็นของตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจโยงไปถึงจังหวัด ซึ่งจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจหน้าที่บูรณาการกับอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น กระทรวงยุติธรรม และส่วนต่างๆ จึงเป็นที่น่าเสียดายที่เราเสียเวลาไปเปล่าๆ และยิ่งเข้าใจว่าท่านไม่เข้าใจข้อสั่งการ ไม่เข้าใจอำนาจหน้าที่ก็ยิ่งหนักไปอีก
“การเตรียมดำเนินคดีไม่กระทบการหาเสียง ท่านยอมรับแล้วก็จบ เราพูดตามความเป็นจริง เราเพิ่งเริ่มหาเสียง ก็ไม่ง่ายนัก ต้องทำความเข้าใจ ส่วนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ควรทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่ควรทำตัวเป็นหัวคะแนน มิฉะนั้น จะผิดจริยธรรมได้" นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีคลิปเสียงนายกฯที่สนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เป็นปัญหาต่อการหาเสียงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ชาวบ้านมีความเห็นหลากหลาย ซึ่งในพื้นที่ใกล้ชายแดนพี่น้องประชาชนไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขามีแนวทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พี่น้องประชาชนเข้าใจ แต่คงเข้าใจทั่วประเทศไม่ได้ ก็ต้องทำความเข้าใจต่อไป
เมื่อถามว่า มีการวางคิวให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เพื่อช่วยหาเสียงด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการวางตัวหรือไม่ เป็นเรื่องของพรรค ซึ่งตนเป็นเพียงผู้ช่วยหาเสียงคนหนึ่ง