“ทรัมป์” ประกาศถอน “สหรัฐ” จากยูเนสโกอีกครั้ง อ้างขัดนโยบาย America First
"ทรัมป์" ประกาศถอน "สหรัฐ" จากยูเนสโกอีกครั้ง มีผลสิ้นปีหน้า อ้างองค์กรส่งเสริมวาระวัฒนธรรมสุดโต่งและแนวคิดตื่นรู้ที่ขัดนโยบาย America First
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.44 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเตรียมนำสหรัฐถอนตัวออกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าองค์การดังกล่าวสนับสนุนวาระวัฒนธรรมและสังคมสุดโต่งและแตกแยก ซึ่งไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนอเมริกัน พร้อมระบุว่าการถอนตัวจะมีผลสิ้นปีหน้า นับเป็นการตอกย้ำแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ที่ต่อต้านองค์การพหุภาคีต่างๆ เช่น สหประชาชาติ WTO และ NATO
โฆษกทำเนียบขาว Anna Kelly ระบุว่า UNESCO ดำเนินงานโดยยึดวาระระดับโลกที่เป็นแนวคิดสุดโต่งและขัดกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน ขณะกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐชี้ว่าการที่ยูเนสโกรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ เป็นสิ่งที่ขัดต่อจุดยืนของสหรัฐ และนำไปสู่ถ้อยคำต่อต้านอิสราเอลอย่างแพร่หลาย
ด้าน ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการยูเนสโก แสดงความเสียใจต่อการตัดสินใจของสหรัฐ แม้จะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและได้เตรียมพร้อมแล้ว พร้อมระบุว่า ยูเนสโกลดการพึ่งพาสหรัฐเหลือเพียง 8% ของงบประมาณทั้งหมด โดยได้รับเงินทุนจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวผ่าน X ว่า ฝรั่งเศสจะยังคงสนับสนุนยูเนสโกอย่างแน่วแน่ พร้อมย้ำว่า การถอนตัวของสหรัฐจะไม่กระทบต่อพันธกิจของฝรั่งเศสในการปกป้องมรดกโลก
ขณะเดียวกันอิสราเอลแสดงความชื่นชมการตัดสินใจของสหรัฐ โดยเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ระบุว่า “ยูเนสโกมีอคติต่ออิสราเอลมาโดยตลอด” ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลก็กล่าวขอบคุณสหรัฐสำหรับ“การสนับสนุนทางศีลธรรมและความเป็นผู้นำ”
ในอีกด้านหนึ่ง Jeanne Shaheen สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า การถอนตัวของทรัมป์เป็นการกระทำที่มองสั้นและเข้าทางจีน ซึ่งกลายเป็นผู้สนับสนุนเงินรายใหญ่ของยูเนสโกหลังสหรัฐถอนตัวไปก่อนหน้านี้
ด้านยูเนสโกยืนยันว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา การเจรจาและแถลงการณ์ต่างๆ ภายในองค์การล้วนได้รับความเห็นชอบทั้งจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยอาซูเลย์ระบุว่าข้ออ้างของสหรัฐยังคงเหมือนเดิมจาก 7 ปีก่อน ทั้งที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก และยูเนสโกได้กลายเป็นเวทีหารือแบบพหุภาคีที่เน้นการปฏิบัติจริง พร้อมกล่าวด้วยว่า “ข้อกล่าวหาเหล่านั้นขัดกับความจริงของการทำงานของยูเนสโกในด้านการศึกษาเรื่อง Holocaust และการต่อต้านยิว”
ยูเนสโกเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก เช่น แกรนด์แคนยอนในสหรัฐ และพีระมิดในอียิปต์ โดยในสหรัฐมี 26 แหล่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียน รวมถึงเทพีเสรีภาพด้วย
ทั้งนี้สหรัฐเคยถอนตัวจากยูเนสโกมาแล้วในปี 1984 โดยอ้างความไม่โปร่งใสด้านการเงินและอคติต่อสหรัฐฯ สมัยสงครามเย็น ต่อมาจึงกลับเข้าร่วมในปี 2003 สมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช กระทั่งปี 2011 สมัยประธานาธิบดีโอบามาได้หยุดสนับสนุนงบประมาณหลังยูเนสโกรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิก
ในวาระแรกของทรัมป์เมื่อปี 2560 สหรัฐก็ประกาศถอนตัวจากยูเนสโกเช่นกัน โดยติดค้างเงินสนับสนุนกว่า 542 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะนำสหรัฐกลับเข้าร่วมอีกครั้งในปี 2566
ล่าสุด ตัวแทนของทรัมป์ในสหประชาชาติ Mike Waltz กล่าวว่าต้องมีการปฏิรู้องค์การยูเอ็น และเชื่อมั่นว่า “เราจะทำให้องค์การสหประชาชาติก้าวไกลอีกครั้ง” (We can make the UN great again)
อ้างอิง : www.reuters.com