“มาเลเซีย” อัดฉีด 500 ล้านดอลล์ แจกเงินสด-ลดราคาน้ำมัน บรรเทาค่าครองชีพ รับมือภาษีทรัมป์
"มาเลเซีย" อัดฉีด 500 ล้านดอลล์ เปิดตัวมาตรการช่วยเหลือประชาชนชุดใหญ่ แจกเงินสด ลดราคาน้ำมัน ชะลอขึ้นค่าทางด่วน และลดค่าไฟ พร้อมยืนยันเศรษฐกิจมาเลเซียยังแข็งแกร่ง แม้เผชิญแรงกดดันภาษีสหรัฐ
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.56 น. สำนักข่าว Nikkie Asia รายงานว่า อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงผ่านโทรทัศน์ประกาศมาตรการบรรเทาค่าครองชีพชุดใหม่ รวมมูลค่ากว่า 2 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรวมถึงการแจกเงินสดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคน และการปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
อันวาร์กล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อของประเทศในเดือนมิถุนายน 2568 จะลดลงมาอยู่ที่ 1.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 52 เดือน แต่ราคาสินค้าอาหารยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย และเป็นภาระหลักของประชาชน พร้อมยืนยันว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังมีรากฐานที่แข็งแกร่ง แม้จะเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่จะเริ่มมีผลในเร็ววันนี้
ตามมาตรการที่ประกาศ ชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคนจะได้รับเงินสดคนละ 100 ริงกิต หรือราว 23.60 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค โดยสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชน (MyKAD) กดรับเงินได้ตั้งแต่ 31 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568
มาตรการช่วยเหลือนี้มีขึ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ของสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาเลเซียอาจเผชิญอัตราภาษีสูงถึง 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ประเทศอื่นในอาเซียนอย่างญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ต่างสามารถเจรจาลดภาษีลงได้ที่ 15%, 19% และ 20% ตามลำดับ
ในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายค้านมาเลเซียเตรียมจัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในวันเสาร์นี้ โดยอ้างว่าประชาชนเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงและการขยายฐานภาษี โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมถึง 300,000 คน แม้ตำรวจประเมินไว้เพียง 10,000–15,000 คน ที่จัตุรัสเมอร์เดกา ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังประกาศปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน RON95 สำหรับประชาชนทั่วไปลงอีก 6 เซนต์ เหลือ 1.99 ริงกิต/ลิตร จากราคาเดิม 2.05 ริงกิต ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่รัฐบาลอุดหนุน แม้ราคาน้ำมันที่ไม่มีการอุดหนุนจะอยู่ที่ 2.50 ริงกิต/ลิตร
ในส่วนของค่าทางด่วน รัฐบาลจะชะลอการขึ้นค่าผ่านทางบนทางด่วน 10 สาย โดยรับภาระค่าใช้จ่ายกว่า 500 ล้านริงกิตแทน พร้อมปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ตั้งแต่เดือนนี้ ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 85% ได้รับส่วนลดค่าไฟสูงสุดถึง 14% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
แม้มาเลเซียจะสร้างสถิติการอนุมัติเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สูงสุดในปี 2567 ที่ 3.84 แสนล้านริงกิต เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า และค่าเงินริงกิตแข็งค่าขึ้น แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวในตอนท้ายว่า “สิ่งเหล่านี้จะไร้ความหมาย หากประชาชนยังต้องเผชิญความยากลำบากจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นอยู่”
อ้างอิง : asia.nikkei.com