เมื่อสงครามการค้าอาละวาด บ.เทคฯ ยักษ์ใหญ่ของจีนกำลังขยายตัวในอาเซียน
ถ้าหากคุณไปเยือนสนามบิน Jewel Changi ประเทศสิงคโปร์ คุณก็จะได้พบกับผู้ช่วยดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ของบริษัท Tencent บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน ซึ่งคอยให้บริการข้อมูลเส้นทาง ร้านอาหาร และคำแนะนำด้านการช้อปปิ้งแบบเรียลไทม์ถึง 5 ภาษา
การปรากฏตัวของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba, ByteDance, Tencent และ SenseTime ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงข้อจำกัดการส่งออกและตลาดตะวันตกที่ผันผวน จึงทำให้บริษัทจีนหันมาลงทุนในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง
เรย์ หวัง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซัพพลายเชนและเทคโนโลยีใหม่ แห่งบริษัท The Futurum Group ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNA ว่า ค่อนข้างชัดเจนว่าการลงทุนเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง และโอกาสทางตลาดที่พวกเขากำลังจินตนาการถึงก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
อาเซียน หัวใจใหม่ของกลยุทธ์ดิจิทัลจีน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของ ByteDance ได้ประกาศแผนลงทุน 8,800 ล้านดอลลาร์ในประเทศไทยภายใน 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและศูนย์ข้อมูล
ขณะที่ Alibaba Cloud ก็ขยายการลงทุนเช่นกัน โดยประกาศเปิดศูนย์ข้อมูลแห่งที่ 3 ในมาเลเซีย และเตรียมเปิดอีกแห่งในฟิลิปปินส์ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 53,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน SenseTime บริษัทด้าน AI และเทคโนโลยีการประมวลผลภาพจากจีน ก็ได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลอินโดนีเซียในการพัฒนา AI ภายในประเทศ เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ และการพัฒนาบุคลากรในภูมิภาค
Bluefin Zhao รองประธาน Tencent Cloud และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยกับ CNA ว่า
“เราได้ช่วยให้ธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายแห่งสามารถใช้กลยุทธ์มัลติคลาวด์ที่แข็งแกร่งและเหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
Zhao ระบุว่า Tencent มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายหลักที่บริษัทสามารถ “เติบโตอย่างก้าวกระโดด” โดยมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักติดต่อกันตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ตลาดยุทธศาสตร์ระยะยาว
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่เพียงการปรับตัวชั่วคราว แต่เป็นกลยุทธ์ระยะกลางถึงยาวที่จีนใช้ขยายการเติบโตนอกประเทศและตลาดตะวันตก
ปัจจัยที่เอื้อ ได้แก่ ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ ความคุ้นเคยทางธุรกิจ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีได้หลากหลายรูปแบบในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ รายงานจาก Boston Consulting Group คาดการณ์ว่า AI จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 120,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2027