“ออสเตรเลีย” ต้านแผนทรัมป์ขึ้นภาษียานำเข้า 250% หวั่นกระทบอุตสาหกรรมยา-การค้าเสรี
"ออสเตรเลีย" แสดงความกังวลอย่างรุนแรง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้ายาจากต่างประเทศสูงถึง 250% เพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศ
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 16.02 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขของออสเตรเลียกล่าวว่าออสเตรเลียแสดงความกังวลอย่างมากต่อคำขู่ล่าสุดของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้ายาและเวชภัณฑ์สูงถึง 250% ในระยะยาว
โดยทรัมป์ระบุในสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐจะเริ่มเก็บภาษีเล็กน้อยกับยาที่ผลิตในต่างประเทศ ก่อนจะเพิ่มเป็น 150% ภายใน 18 เดือน และอาจสูงถึง 250% เพื่อส่งเสริมการผลิตในประเทศ
รัฐมนตรี มาร์ค บัตเลอร์ กล่าวว่า แผนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตอย่าง CSL บริษัทไบโอเทคที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่เราทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันหลักการการค้าเสรีให้คงอยู่ต่อไป
ยาและเวชภัณฑ์นับเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของออสเตรเลียไปยังสหรัฐ โดยมีมูลค่าราว 2.1 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย
ทั้งนี้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศในประเด็นราคายาได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ โดยในรายงานที่ยื่นต่อรัฐบาลสหรัฐเมื่อเดือนมกราคม สมาคมการค้าผู้วิจัยและผู้ผลิตยาแห่งอเมริกา (PhRMA) ได้ระบุว่าโครงการสนับสนุนค่ายาแห่งชาติของออสเตรเลีย (Pharmaceutical Benefits Scheme: PBS) มีลักษณะเลือกปฏิบัติและร้ายแรง รวมทั้งประเมินค่าความคิดสร้างสรรค์ของอเมริกาต่ำเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานและการส่งออก
อย่างไรก็ตามบัตเลอร์ย้ำว่า โครงการ PBS ซึ่งให้เงินสนับสนุนค่ายาให้กับประชาชนชาวออสเตรเลีย จะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาใจบริษัทข้ามชาติของสหรัฐ
“หากแรงผลักดันของมาตรการภาษีนี้มาจากการที่บริษัทยาขนาดใหญ่พยายามกดดันรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ลดทอนการคุ้มครองโครงการ PBS ของเรา ก็ขอบอกเลยว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เรื่องนั้นไม่อยู่ในขอบเขตของการเจรจา”
อ้างอิง : reuters.com