เปิดร้านเหล้า-ผับ-บาร์ เสียภาษีอะไรบ้าง? เจาะลึกก่อนโดนเรียกตรวจ!
ธุรกิจร้านเหล้า ผับ บาร์ ถือเป็นหนึ่งในกิจการยอดนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งมักมีลูกค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักดื่มประจำ นักท่องราตรี หรือชาวต่างชาติที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองไทย
แม้ภาพรวมของธุรกิจนี้จะดูสดใสและสร้างกำไรได้ดี แต่ในทางปฏิบัติกลับมีเจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อยที่ละเลยหรือไม่ตระหนักถึงภาระภาษีที่ต้องรับผิดชอบ
เพื่อให้การดำเนินกิจการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบย้อนหลัง จึงควรทำความเข้าใจกับภาษีแต่ละประเภทที่เกี่ยวข้องกับการเปิดร้านเหล้า ผับ บาร์ ทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล พร้อมทั้งรู้จักหลักเกณฑ์สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ภาษีที่ต้องรู้ก่อนเปิดร้านเหล้า ผับ บาร์
การเปิดร้านเหล้า ผับ บาร์ ถือว่าเป็น “กิจการที่ควบคุมโดยกฎหมายหลายฉบับ” โดยเฉพาะในเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหมวดหลักๆ ดังนี้
1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
หากกิจการของคุณมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจัดเก็บภาษี 7% จากยอดขายหรือบริการที่เกิดขึ้น
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นสินค้าที่ต้องรวม VAT ด้วย
- บริการในร้าน เช่น ค่าบริการนั่งโต๊ะ ค่าเปิดเหล้า ค่าโชว์ดนตรี ก็เข้าข่ายต้องคิด VAT ด้วยเช่นกัน
- ผู้ประกอบการสามารถนำภาษีซื้อมาหักกับภาษีขายได้ หากมีเอกสารถูกต้อง
ข้อควรระวัง: หากไม่จด VAT แต่มีรายได้เกินเกณฑ์ จะถูกสรรพากรเรียกตรวจ และอาจโดนปรับย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่มได้
2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (เฉพาะบางกรณี)
หากกิจการมีลักษณะคล้าย “สถานเริงรมย์” เช่น มีการเต้นรำ ดนตรีสด มีการเก็บค่าเข้า หรือมีบริการพิเศษที่เกี่ยวกับความบันเทิง ก็อาจเข้าข่ายเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (แทนภาษีมูลค่าเพิ่ม)
- อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะอยู่ที่ 3% + ภาษีท้องถิ่นอีก 10%
- ต้องพิจารณาจากลักษณะกิจการจริงและการตีความของเจ้าหน้าที่สรรพากร
3. ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขึ้นอยู่กับโครงสร้างการจัดตั้งกิจการว่าเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
➢ หากเป็นบุคคลธรรมดา:
- ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได ตั้งแต่ 5% ถึง 35%
- ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ 91 ตามกรณี ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป
➢ หากเป็นนิติบุคคล:
- เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยทั่วไปในอัตรา 20%
- ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 (รอบปีบัญชี) และ ภ.ง.ด.51 (ครึ่งปี) พร้อมแนบงบการเงิน
ข้อแนะนำ: หากรายได้ต่อปีสูงเกิน 3-5 ล้านบาทขึ้นไป การจดบริษัทจะมีความคุ้มค่าทางภาษีมากกว่า
4. ภาษีสรรพสามิต (เฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
- การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติสรรพสามิต
- ผู้ประกอบการไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าโดยตรง จึงไม่ต้องเสียภาษีนี้โดยตรง
- แต่ต้องซื้อสินค้าที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย มีใบเสร็จที่ชัดเจน และห้ามจำหน่ายสุราหนีภาษีเด็ดขาด
5. ภาษีป้าย
หากร้านของคุณมีป้ายชื่อร้าน ป้ายโฆษณา หรือแสงไฟนีออน จะต้องเสีย “ภาษีป้าย” ตามขนาดและเนื้อหาของป้าย โดยต้องยื่นต่อสำนักงานเขตในพื้นที่ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
6. อากรแสตมป์ (เฉพาะกรณีทำสัญญา)
หากมีการทำสัญญาเช่าร้าน สัญญาจ้างผู้ให้บริการ สัญญาให้สิทธิแฟรนไชส์ ฯลฯ อาจต้องเสียอากรแสตมป์ตามประเภทเอกสาร เพื่อให้สัญญานั้นมีผลทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์
การทำรายงานบัญชีและเอกสารประกอบภาษี
ร้านเหล้า ผับ บาร์ มักเป็นกิจการที่มีเงินสดหมุนเวียนจำนวนมาก และใช้แรงงานหลายประเภท การจัดทำบัญชีให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น
- การลงรายรับ-รายจ่ายทุกวัน
- มีหลักฐานการซื้อสินค้า ใบกำกับภาษี ใบส่งของ
- สลิปเงินเดือนพนักงาน และหลักฐานการจ่ายค่าจ้าง
- เอกสารแสดงการชำระภาษีต่างๆ ย้อนหลังได้อย่างน้อย 5 ปี
การถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ
เนื่องจากธุรกิจร้านเหล้า ผับ บาร์ จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการหลีกเลี่ยงภาษี เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรหรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงอาจเข้าไปตรวจสอบได้ในประเด็นต่างๆ เช่น
- รายได้ที่ไม่ตรงกับรายงานภาษี
- การไม่จ่าย VAT หรือยื่นล่าช้า
- ไม่มีใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้า
- ไม่มีการยื่นภาษีป้าย หรือใช้ป้ายที่ไม่ได้รับอนุญาต
สรุป แม้การเปิดร้านเหล้า ผับ บาร์ จะดูเป็นโอกาสที่สร้างรายได้สูง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยภาระทางภาษีและกฎหมายจำนวนมาก หากผู้ประกอบการไม่ศึกษารายละเอียดภาษีแต่ละประเภทอย่างรอบคอบ อาจนำไปสู่การถูกตรวจสอบย้อนหลัง หรือแม้กระทั่งถูกปรับ-ฟ้องร้องทางกฎหมาย
ดังนั้นการวางระบบบัญชีให้ชัดเจน จัดเก็บเอกสารภาษีอย่างเป็นระบบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีภาษีตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ คือ “เกราะป้องกัน” ที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของร้านยุคใหม่
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษี เพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting