รู้ทัน “คาเฟอีนแฝง” ในอาหารและขนมที่เรากินโดยไม่รู้ตัว
หลายคนคิดว่าคาเฟอีน มีเฉพาะในกาแฟหรือชา แต่ความจริงแล้วมันยังซ่อนอยู่ในอาหาร ขนม และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่เรากินเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้เราได้รับเกินปริมาณที่ควรบริโภคโดยไม่รู้ตัว
คาเฟอีน คืออะไร
คาเฟอีน เป็นสารกระตุ้นประสาทที่พบได้ในธรรมชาติ เช่น เมล็ดกาแฟ ใบชา และเมล็ดโกโก้ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย คาเฟอีน จะกระตุ้นระบบประสาท ทำให้รู้สึกตื่นตัว ลดอาการง่วง และช่วยเพิ่มสมาธิ แต่หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ หรือปวดหัวได้
อาหารและขนมที่มีคาเฟอีนแฝง
แม้ว่าเราจะรู้จักคาเฟอีนจากกาแฟหรือชา แต่ความจริงแล้วยังมีอาหารและขนมอีกหลายชนิดที่มีคาเฟอีนแฝงอยู่ เช่น
ขนมหวานและของทานเล่น
ช็อกโกแลตแท่ง ดาร์กช็อกโกแลตมีคาเฟอีนสูงกว่าช็อกโกแลตนม
บราวนี่ เค้กช็อกโกแลต หรือชีสเค้กช็อกโกแลต
ไอศกรีมรสกาแฟหรือโกโก้
คุกกี้และบิสกิตที่มีผงโกโก้หรือกาแฟผสม
เครื่องดื่มที่ไม่ใช่กาแฟโดยตรง
ชาเขียว ชาดำ ชาขาว และชาอู่หลง ซึ่งยังคงมีคาเฟอีน
เครื่องดื่มโกโก้ร้อนหรือเย็น
น้ำอัดลมรสโคล่า รวมถึงรสบางชนิดที่มีคาเฟอีนเติมเพิ่ม
เครื่องดื่มชูกำลัง ที่มักมีคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟ 1 แก้ว
อาหารและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
โปรตีนบาร์หรือซีเรียลบาร์ที่มีโกโก้เป็นส่วนผสม
ขนมขบเคี้ยวรสกาแฟหรือโกโก้
ซีเรียลอาหารเช้าที่ใส่ผงโกโก้
เจลพลังงาน (Energy gel) ที่นักวิ่งหรือคนออกกำลังกายใช้ ซึ่งบางยี่ห้อมีคาเฟอีน
ปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับต่อวัน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรบริโภคคาเฟอีนไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากาแฟ 3–4 แก้ว ขณะที่เด็กและวัยรุ่นควรได้รับในปริมาณที่น้อยกว่ามาก หากได้รับเกิน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น กระสับกระส่าย หรือการนอนหลับถูกรบกวน
เคล็ดลับการเลี่ยงคาเฟอีนแฝง
อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม
หลีกเลี่ยงการกินช็อกโกแลตหรือขนมรสกาแฟในช่วงเย็น
หากมีอาการนอนไม่หลับหรือน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรเช็กพฤติกรรมการกินที่อาจเกี่ยวข้องกับคาเฟอีน
คาเฟอีนไม่ได้มีอยู่แค่ในกาแฟ แต่ยังแฝงอยู่ในอาหารและขนมหลายชนิด การรู้ทันและบริโภคอย่างพอเหมาะจะช่วยให้เราได้ประโยชน์จากคาเฟอีนโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ