ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 2.45 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทสวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” ให้กองทัพ แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดัน “นโยบายชดเชยทางเศรษฐกิจ” (Offset Policy) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยอย่างเป็นรูปธรรม
พิธีลงนามดังกล่าวประกอบด้วยความตกลงสำคัญ 3 ฉบับ โดยฉบับแรกคือสัญญาจัดซื้อเครื่องบินระหว่าง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กับนายมิคาเอล กรันโฮล์ม ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานยุทโธปกรณ์สวีเดน (FMV) และฉบับที่สองคือความตกลง Offset Policy ระหว่าง ผบ.ทอ. กับนายลาร์ส ทอสส์มันน์ จากบริษัท Saab AB ผู้ผลิต ส่วนฉบับที่สามเป็นข้อตกลงภายในของฝ่ายสวีเดน การจัดซื้อครั้งนี้เป็น 4 ลำแรกจากแผนทั้งหมด 12 ลำ เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่ประจำการมานานกว่า 37 ปี โดยมีกำหนดเริ่มจัดส่งตั้งแต่ปี 2572 เป็นต้นไป
นายมาริษ กล่าวว่า นโยบายการต่อยอดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จนถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เพื่อสร้างประโยชน์ให้ประเทศไทยในระยะยาว “เราตั้งเป้าหมายให้ภาครัฐเป็นผู้อำนวยความสะดวก ขณะที่ผู้ประกอบการจะเป็นผู้เล่นหลักในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ”
รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า การลงนามครั้งนี้ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สวีเดนและประชาคมโลก ภายหลังจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างชัดเจน
“พวกเราใช้เครื่องบิน Grippen ปฏิบัติการทางทหาร และแสดงให้เห็นชัดว่า เราไม่มีแนวคิดที่จะใช้อาวุธเพื่อรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน เป้าหมายทางทหารที่เรายึดถือได้แสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าเราปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด”
นายมาริษ ได้เน้นย้ำถึงความแม่นยำในการปฏิบัติการของกองทัพอากาศ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก ผบ.ทอ. ว่าปฏิบัติการทั้งหมดไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา แต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถทำลายเป้าหมายทางทหารของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแตกต่างจากการใช้อาวุธของอีกฝ่าย
“หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่กัมพูชาใช้อาวุธกับเรา จะเห็นได้ชัดว่าการใช้อาวุธของกัมพูชามุ่งเน้นไปที่การรุกรานและโจมตีเป้าหมายของพลเรือน ซึ่งตรงกันข้ามกับปฏิบัติการของเรา”
สุดท้าย นายมาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสันติเช่นเดียวกับสวีเดนและสหภาพยุโรป แต่การมีศักยภาพในการป้องกันตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การซื้อขายเครื่องบิน Grippen ในครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ไทยร่วมมือกับนานาประเทศที่รักสันติ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการใช้อาวุธเพื่อปกป้องตนเองอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น.-312.-สำนักข่าวไทย