ดีอี คิกออฟ ‘WebD’ แพลตฟอร์ม AI สกัดเว็บเถื่อนเพิ่มกว่า 70 %
กระทรวงดีอี คิกออฟ "WebD" แพลตฟอร์ม AI สกัดเว็บเถื่อน ทำงานได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ถึง 31.5 เท่า ปิดกั้น RLs ที่ถูกสั่งปิดได้เพิ่มขึ้นกว่า 70 %
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวในการประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอี (Top Executives) ครั้งที่ 6/2568 ว่า กระทรวงดีอี พร้อมเดินหน้าการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักการการกำกับดูแลด้วยจริยธรรม
ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการระงับการแพร่หลายและตรวจสอบการเข้าถึงเว็บไซต์ผิดกฎหมาย หรือที่เรียกว่า WebD Project ในรูปแบบแพลตฟอร์ม WebD ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเร่งรัดกระบวนการระงับเว็บไซต์ผิดกฎหมายซึ่งมีมากกว่า 1 แสนURLs ต่อปี
ทั้งนี้ เป็นการนำใช้เทคโนโลยี AI และ RPA ในการค้นหา เก็บหลักฐาน สร้างคำร้องต่อศาลแบบ Paperless และส่งคำสั่งไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) โดยอัตโนมัติ พร้อมมีระบบ URLs Checker เพื่อตรวจสอบการปิดกั้นเว็บเถื่อนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับจุดเด่นของแพลตฟอร์มดังกล่าว พบว่าสามารถทำงานได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ถึง 31.5 เท่า ช่วยลดขั้นตอนการยื่นคำร้องต่อศาลลงได้ 5 วันทำการ และคาดว่าจะเพิ่มจำนวน URLs ที่ถูกสั่งปิดหรือเว็บเถื่อน เว็บผิดกฏหมายในปี 2568 ได้ถึง 70.7% จากเดิมในปี 2567 (โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 175 URLs)
นอกจากนี้ WebD ยังมีระบบค้นหาและจัดเก็บหลักฐานเว็บไซต์ผิดกฎหมาย (AI Crawler) ซึ่งใช้ในการตรวจสอบ URLs ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย (เทียบเท่าการทำงานโดยเจ้าหน้าที่จำนวน 94 คน) ก่อนส่งต่อไปยังระบบแอปพลิเคชัน สำหรับตรวจสอบ/กลั่นกรองเว็บไซต์ผิดกฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการยื่นคำร้องต่อศาล (สร้างคำร้องส่งต่อไปยังศาลอาญาผ่านระบบออนไลน์) กระบวนการสั่งปิด (ระบบส่งคำสั่งศาลไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และกระบวนการปรับพินัย โดยเป็นการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี AI ร่วมกับการทำงานของเจ้าหน้าที่
การใช้งานแพลตฟอร์ม WebD จะช่วยให้กระบวนการทำงานในการระงับ ปิดกั้นเว็บไซต์ URLs ผิดกฎหมายสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เว็บไซต์ผิดกฎหมายเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงดีอีให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อประชาชน
เปิดรายละเอียดผลประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอี
1. การเร่งรัดดำเนินการใช้งาน แพลตฟอร์มป้องกันการโทรหลอกลวง DE-fence platform อย่างเต็มระบบ ซึ่งขณะนี้เปิดให้ประชาชนได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใช้งานในระบบ BETA และเตรียมพร้อมให้ประชาชนใช้งานเต็มระบบในเร็วๆนี้
สำหรับ DE-fence platform เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการแจ้งเตือนประชาชน ช่วยในการคัดกรองสายเรียกเข้า และข้อความสั้น (SMS) ของคนร้าย รวมถึงช่วยยืนยันเบอร์โทรจากหน่วยงานสำคัญ เช่น ตำรวจ หรือ สถาบันการเงิน เป็นต้น
2. การติดตามตรวจสอบเรื่องข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศ ไทย-กัมพูชา กระทรวงดีอี โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ได้ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างใกล้ชิด โดยได้ตรวจสอบข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม/บิดเบือน 42 เรื่อง ซึ่งได้ดำเนินการส่งปิดกั้นรวม 29 URLs เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
3. การแจ้งเตือนเรื่องภัยพิบัติ และภัยทางธรรมชาติ ขณะนี้กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมได้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเข้ากับแอปพลิเคชัน ทางรัฐ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการ 3 ประเภท ได้แก่ พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 7 วัน เส้นทางเดินพายุ และข้อมูลแผ่นดินไหว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ครัวไทย ครองใจสายกินทั่วอาเซียน นักท่องเที่ยวแห่ค้นหา 'ประสบการณ์สายกิน' ในไทยกว่า 80%
- ‘ประเสริฐ’ เปิดตัวเลข Digital GDP ปี 2568 พุ่ง 6.2% คาดทั้งปีมูลค่า 4.69 ล้านล้านบาท
- บังคับใช้แล้ว ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์ การเก็บข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg