ประเทศไทยในโลกไร้กติกา: ถ้ายังอยู่แบบเดิม ไม่มีวันรอด
โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
วันนี้โลกไม่ได้แค่เปลี่ยนเร็วขึ้น แต่มันเปลี่ยน “กติกา” ไปหมดแล้ว เรากำลังเข้าสู่ยุค Jungle-based Chaos
• โลกที่ Rule of Law อ่อนแรง และ Rule of the Jungle กลับมาครองอำนาจ
• มหาอำนาจแย่งชิงผลประโยชน์แบบไม่เหลือพื้นที่ปลอดภัยตรงกลาง
• ประเทศเล็กและกลางอย่างไทย กำลังกลายเป็นแค่ “เบี้ย” บนกระดาน หรือไม่ก็ “สมรภูมิ” ให้เขาเล่นเกมกันเอง
โลกในยุค Jungle-based Chaos แม้แต่ประเทศแข็งแกร่งก็ยังต้องดิ้นรนเอาตัวรอด แต่น่าเศร้าที่ประเทศไทยอ่อนแอทั้งระบบ ในเวลาที่โลกโหดร้ายที่สุด ถ้ายังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรเลย พูดตรง ๆ ว่า เราไม่มีทางรอด
ลี กวน ยู เคยเตือนโลกไว้ชัดเจน:
“If you appoint mediocre people into positions of leadership, you are betraying the country. You are not doing your duty to your people.”
(“ถ้าคุณแต่งตั้งคนระดับปานกลาง หรือคนกระจอก ให้บริหารประเทศ คุณกำลังทรยศหักหลังชาติบ้านเมือง คุณไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนของคุณ”)
ในเวลาปกติ การบริหารแบบ “เฉื่อยชาแต่ปลอดภัย” อาจพอรับได้ แต่ในยามวิกฤต หากผู้นำไร้ศักยภาพ ทำงานไม่เป็น เล่นแต่เกมการเมือง—ประเทศจะพังทั้งระบบ
~ทำไมต้อง “Strategic Pragmatism” ?
ในโลกปกติ เราอาจเลือกแค่ “ทำสิ่งที่ถูกต้อง” หรือ “ทำสิ่งที่ทำได้” แต่ในโลก Jungle-based Chaos วันนี้ ถ้าไม่ทั้ง “คิดให้ไกล” และ “ลงมือทำให้ได้จริง” = รอดยาก
Strategic Pragmatism คือแนวทางที่ผสมผสาน
• Strategic Thinking: มองเกมระยะยาว เข้าใจภาพใหญ่ เห็นพลวัตโลก
• Pragmatic Action: ลงมือทำแบบยืดหยุ่น ปรับตัวตามสถานการณ์จริง ไม่ติดอุดมการณ์ ไม่ยึดติดสูตรสำเร็จเดิม
เพราะถ้าเรา “ฝันอย่างเดียว” = ไม่ทันเกมโลก ถ้าเรา “ทำแค่เรื่องง่าย ๆ” = ถูกกลืนหายไปโดยมหาอำนาจ ในภาวะโลกไร้กติกา ต้องคิดลึก-ทำไว ปรับเกมเร็ว-เดินเกมชาญฉลาด ไม่สุดโต่ง ไม่ล้าหลัง และไม่ติดกับดักการเมืองภายในตัวเอง
1. Balance the Powers: เดินเกมให้รอดในโลกที่ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร
• เลิกหลอกตัวเองว่าเป็นกลางแล้วปลอดภัย
• สร้างสมดุลกับทุกขั้วผ่าน Network Diplomacy กับ EU, ญี่ปุ่น, อินเดีย, ออสเตรเลีย, ASEAN
2. Economic Hedge: กระจายความเสี่ยง ลดการเป็นตัวประกันของ Supply Chain โลก
• สร้าง New Economy ที่ไทยเป็นเจ้าของ ไม่ใช่แค่ฐานผลิตให้คนอื่น
• ขยายตลาดใหม่ใน GCC, Central Asia, Africa
3. AI & Cyber Resilience: สร้างภูมิคุ้มกันทางข้อมูลและเทคโนโลยี
• ป้องกันไม่ให้ข้อมูลคนไทยตกเป็นอาวุธในสงครามไซเบอร์
• พัฒนา AI และ Cybersecurity Platform ของตัวเอง
4. Narrative Power: เลิกเป็นแค่ผู้รับสาร สร้างเรื่องเล่าใหม่ของไทย
• ไทยต้องเป็นเสาหลักความสมดุลแห่งอาเซียน
• ใช้ Soft Power และ Smart Power บนเวทีโลก
5. Internal Resilience: บ้านตัวเองต้องแกร่งพอไม่ให้ใครแทรกแซง
• ปฏิรูปการศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง แบบถอนรากถอนโคน
• สร้างความปรองดองในสังคม ไม่เปิดช่องให้ต่างชาติใช้ความขัดแย้งภายในเป็นเครื่องมือ
~Key Capabilities ที่ประเทศไทยต้องมีทันที
• Strategic Foresight:
ความสามารถในการมองเห็นอนาคตอย่างทะลุปรุโปร่ง เห็นทั้งโอกาสและภัยคุกคาม ก่อนที่มันจะเกิด ไม่ใช่รอให้ปัญหาปะทุ แล้วค่อยตื่นตระหนกแก้ไขแบบวันต่อวัน
• Agile Diplomacy:
การทูตที่พลิกเกมได้รวดเร็ว ปรับพันธมิตร ปรับท่าทีตามสถานการณ์โลกอย่างยืดหยุ่น ไม่ใช่การทูตแบบติดกรอบ ติดพิธีรีตอง หรือรอคำสั่งจากเจ้านายเก่า ๆ
• Economic Sovereignty:
สร้างเศรษฐกิจที่มีฐานพึ่งพาตัวเองในบางจุดยุทธศาสตร์ ไม่ใช่เศรษฐกิจที่รอให้มหาอำนาจป้อนงาน หรือโยน Crumbs (เศษขนมปัง) ให้ ต้องสร้าง New Economy ที่เราเป็นเจ้าของ ไม่ใช่แค่ลูกจ้างหรือฐานผลิตราคาถูก
• Narrative Leadership:
กำหนดเรื่องเล่าและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นนิยามเราว่าเป็นแค่ “ประเทศเล็กที่เป็นกลาง” หรือ “แหล่งท่องเที่ยวราคาถูก”
ถ้ายังเอานักการเมืองตามโควต้า หรือผู้บริหารมือใหม่หัดขับมาแก้ปัญหา—ประเทศนี้จบแน่
ในสถานการณ์ที่โลกทั้งใบกำลังปั่นป่วนแบบนี้ ไทยต้องการ ผู้นำและทีมบริหารระดับ “ยอดฝีมือ” (National A-Team) ไม่ใช่นักการเมืองฝึกหัด หรือข้าราชการที่รอคำสั่งจากเบื้องบน
ต้องเป็นคนที่:
• อ่านเกมโลกเป็น คิดลึก มองไกล: ไม่ใช่แค่เห็นปัญหาหน้าจอข่าว แต่ต้องเห็นพลวัตระยะยาว และรู้ว่าจะรับมืออย่างไร
• ตัดสินใจเร็ว กล้าเสี่ยงอย่างมีสติ: ไม่ใช่แค่รอให้ทุกอย่างพร้อม หรือประชุมจนหมดเวลา แล้วไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย
• ไม่ติดกรอบเกมการเมืองภายใน: เลิกเล่นการเมืองแบบเก้าอี้ตัวใครตัวมัน หรือแบ่งผลประโยชน์ตามกลุ่มอำนาจ ต้องทำเพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อพรรคหรือกลุ่มทุน
• รวมทีมมืออาชีพ ไม่ใช่เพื่อนพ้องทางการเมือง: คัดเลือกคนจาก “ความสามารถจริง” ไม่ใช่ “ความใกล้ชิด” หรือ “สัญญาแลกเปลี่ยนทางการเมือง”
นี่คือช่วงเวลาแห่งความจริง (Moment of Truth) ว่าเราจะเลือกเดินหน้าอย่างมืออาชีพ หรือจะยอมจมไปพร้อมกับระบบเดิม ๆ ที่หมดอนาคตแล้ว
~Immediate Actions: สิ่งที่ไทยต้องลงมือทำทันที ไม่รอเวลา
1. สร้าง Thailand Strategic Communications Hub:
เป็นศูนย์กลางวางยุทธศาสตร์ข้อมูลข่าวสาร (Narrative & Strategic Messaging) ระดับอาเซียน
• เพื่อกำหนดเรื่องเล่าของภูมิภาค ไม่ใช่แค่เป็นผู้รับสารจากมหาอำนาจ
• สร้างภาพลักษณ์และบทบาทใหม่ของไทยในเวทีโลก
2. ตั้ง Economic Diversification Taskforce:
จัดตั้ง “หน่วยเฉพาะกิจ” บริหารความเสี่ยงเศรษฐกิจ
• กระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักและ Supply Chain เดิม
• เร่งเปิดตลาดใหม่ และสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ (Green, Digital, Health, Creative) อย่างเป็นรูปธรรม
3. เร่งทำแผน AI & Cyber Sovereignty:
สร้าง “อธิปไตยทางไซเบอร์” และความปลอดภัยทางข้อมูล
• ปกป้องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ จากสงครามข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์
• พัฒนา AI ของไทยเอง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติอย่างไร้การควบคุม
4. สร้าง Regional Peace & Stability Network:
รวมพลัง “พันธมิตรเพื่อความมั่นคง” ในภูมิภาค
• ไทยต้องเป็น ผู้สร้างสมดุลและตัวกลางความสงบในอาเซียน
• ดึง Middle Powers และประเทศในภูมิภาค สร้างเครือข่ายป้องกันไม่ให้มหาอำนาจใดครองภูมิภาคฝ่ายเดียว
~บทสรุปที่ไม่อ้อมค้อม
วันนี้โลกไม่ใช่ Rules-based World อีกต่อไป แต่เป็น Jungle-based Chaos ถ้าไทยยังติดอยู่ใน ระบบเก่า วิธีคิดเก่า การเมืองเก่า ๆ ที่ล้าหลัง —ขอพูดตรง ๆ ว่า ไทยไม่มีวันรอด
นี่ไม่ใช่เวลาประคองเกม แต่มันคือเวลาที่ต้อง “รื้อวิธีคิด เปลี่ยนยุทธศาสตร์ พลิกยุทธวิธี” โดยต้องใช้ ทีมชาติของมืออาชีพ — คนที่อ่านเกมโลกเป็น ตัดสินใจได้จริง ไม่ใช่นักการเมืองมือสมัครเล่น มาบริหารประเทศในยามวิกฤตแบบนี้
ถ้าเราไม่ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตอนนี้ อีกไม่นาน เราอาจไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกอนาคตของตัวเอง เพราะมันจะถูก “คนอื่น” กำหนดแทนเรา—ทั้งประเทศ