เด็กหญิง ป.3 โล้ “รถไฟโยก” เล่นกับเพื่อน ถูกกระแทกร่างตับแตกเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.หนองหญ้าไซ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี หลังทราบว่าน้องแพรวา อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ถูกเครื่องเล่นรถไฟโยก 3 ที่นั่ง ในสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียนชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ระบุว่า ตับฉีก และเลือดตกในช่องท้อง เหตุเกิดช่วงเลิกเรียน วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ญาติได้นำร่างน้องแพรวา กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านที่ทราบข่าว ต่างก็เดินทางมาแสดงความเสียใจ
ย่าน้องแพรวา พูดทั้งน้ำตาว่า มันเป็นการสูญเสียของครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เรื่องของน้องแพรวาเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนในประเทศก็ว่าได้ ในฐานะที่ย่าเป็นคุณครู อยากให้เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของโรงเรียน เครื่องเล่นแบบนี้ต่อไปไม่น่าจะมีเลย ผู้บริหารน่าจะรื้อออกเพราะเด็กมีของเล่นเยอะมีกระบะทราย มีลานให้เล่นเยอะ เครื่องเล่นเหมือนเรือโยก เด็กโยกไม่รู้จังหวะใครก็มีโอกาสพลาดได้ ที่โรงเรียนของตนก็เคยมี แต่ได้ประชุมแล้วสั่งให้ภารโรงรื้อออกให้หมด เหลือเพียงกระบะทรายใหญ่ๆ ให้เด็กเล่นเพื่อความปลอดภัย
ต่อมา ร.ต.อ.สหรัฐ ต่อเติมวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.อุดรธานี เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียน ซึ่งอยู่ระหว่างอาคารเรียนชั้นประถมศึกษากับอาคารเรียนมัธยมศึกษา มีการนำเชือกมากั้นสนามเด็กเล่นไว้ ห้ามเข้าและใช้สนาม ภายในมีเครื่องเล่นหลากหลายประเภท ม้ากระดก ชิงช้าแบบเดี่ยว ปีนเชือก กระบะทราย หน้าผาจำลอง ม้าหมุน โดยได้เก็บหลักฐานบริเวณรถไฟโยก 3 ที่นั่ง มีการวัดระยะความยาว ความกว้าง และระยะที่รถไฟโยกไปด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งมีพวงมาลัยดอกดาวเรืองวางเพื่อไว้อาลัย 1 พวง
ครูคนหนึ่ง เล่าว่า นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า วันที่เกิดเหตุเป็นเวลาเลิกเรียน เพื่อนได้มาเล่นสนามเด็กเล่นเพื่อรอผู้ปกครองมารับ เพื่อนๆ ได้นั่งอยู่บนรถไฟโยก ส่วนน้องแพรวายืนอยู่ด้านหลังรถไฟ แล้วใช้มือผลักท้ายรถไฟโยกไปด้านหน้าให้เพื่อนนั่ง ไม่นานจังหวะโยกกลับมาท้ายรถไฟโยกได้ชนบริเวณท้องน้องแพรวาจนล้มลงและกุมท้อง มีอาการหน้าซีด ปากเขียวคล้ำ ครูเห็นจึงเข้ามาปฐมพยาบาลด้วยการ CPR พร้อมกับแจ้งรถกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งสนามเด็กเล่นไม่มีกล้องวงจรปิด
“ส่วนการเยียวยาเบื้องต้นทางโรงเรียนได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในงานศพทั้งหมด ส่วนเรื่องประกันชีวิตซึ่งทางโรงเรียนได้ทำประกันชีวิตหมู่ ซึ่งจะได้สินไหมประมาณ 6 หมื่นบาท และจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการต่อไป”
ร.ต.อ.สหรัฐ ต่อเติมวัฒนกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะต้องดูว่าบริเวณสนามเด็กเล่นใครเป็นคนอนุญาต วิศวกรรมที่มาดูสถานที่ความปลอดภัยในการก่อสร้างลงความเห็นว่าอย่างไร ออกแบบอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นจะเป็นเรื่องการเล่นของเด็ก ไม่มีใครมาผลัก เล่นแล้วเป็นอุบัติเหตุ ส่วนเรื่องปลอดภัยทางโรงเรียนจะต้องประสานกับทางตำรวจอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่ได้เรียกใครมาสอบเพราะคนเห็นเหตุการณ์จะเป็นเด็กทั้งหมด เด็กอายุ 8-9 ขวบ ยังช็อกที่เพื่อนเสียชีวิตตามที่คุณครูบอกมา เด็กยังไม่พร้อมที่มาให้ปากคำต้องรอสหวิชาชีพด้วย จึงต้องรอซักระยะ ญาติผู้ตายก็ยังวุ่นอยู่กับการจัดงานศพ ดูแล้วจะเป็นเรื่องประมาท ไม่ใช่คดีอาญา สามารถไปฟ้องเพ่งที่ศาลได้