'ผอ.นิด้าโพล' ชี้คะแนนนิยม 'พท.-อิ๊งค์' ดิ่ง เป็นโอกาสของ 'ภท.'

นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) ให้สัมภาษณ์ต่อผลสำรวจเรื่อง “คะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2-2568” ซึ่งจากผลที่ได้พบว่า คะแนนความนิยมของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ คะแนนของพรรคเพื่อไทยมีระดับที่ลดต่ำลงอย่างมาก ว่า เป็นบทสะท้อนชัดเจนว่าคะแนนที่ลดต่ำลงดังกล่าวเป็นผลของปัจจัยคือ เรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นายกฯ กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งส่งความเสียหายอย่างมากในเรื่องคะแนนนิยม และส่งผลมายังพรรคเพื่อไทยด้วย ขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมานั้นเป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน แต่หากมีแค่เรื่องการเมืองและการบริหารอย่างเดียวคะแนนจะไม่ลงมากขนาดนี้ อย่างไรก็ดีคะแนนที่ร่วงต่ำดังกล่าว ต้องตั้งคำถามด้วยว่าเป็นเพียงคะแนนไฟไหม้ฟาง หรือ ไฟไหม้จริง

“หากเป็นคะแนนไฟไหม้ฟาง หรือเป็นคะแนนตกใจ การสำรวจครั้งหน้าคะแนนจะกลับมาเหมือนเดิม แต่หากเป็นไฟไหม้จริง ในครั้งต่อไปก็จะไม่ฟื้น ซึ่งต้องติดตามในครั้งต่อไป แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผมมองว่าโอกาสที่ น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยจะฟื้นความนิยมต้องใช้เวลาอีกนาน แต่หากจะฟื้นคะแนนกลับมาโดยเร็ว ผมมองว่ามีเพียงปัจจัยเดียวคือการเอาชนะสมเด็จฮุนเซน ให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ตามเพราะขณะนี้กระแสชาตินิยมมาแรง” นายสุวิชา กล่าว

นายสุวิชา กล่าวต่อว่าจากคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยและน.ส.แพทองธารที่ร่วงลง ทำให้พรรคประชาชนและพรรครวมไทยสร้างชาติได้อานิสงส์ในแง่ของคะแนนพรรคการเมือง แต่หากดูคะแนนตัวบุคคล เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จากการสำรวจ คะแนนจะอยู่ระดับเท่าที่เป็นอยู่ ไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่คะแนนไม่ร่วง เพราะได้คะแนนบุคคล คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาช่วย

ผู้อำนวยการนิด้าโพล กล่าวต่อว่าขณะที่พรรคภูมิใจไทยที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้น คาดว่ามาจากกลุ่มสีแดง ที่ไม่พอใจพรรคเพื่อไทย เพราะหากดูคะแนนพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานร่วงลงมาก และเลือกเทคะแนนให้พรรคภูมิใจไทย ขณะที่กรณีที่พรรคภูมิใจไทยเลือกถอนตัวจากรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้าน ตนมองว่าเป็นโอกาส และทำให้คะแนนเพิ่มขึ้น เช่น คะแนนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่คะแนนพรรคภูมิใจไทย เพิ่มขึ้น 6%

“ผมมองว่าหากภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน และแสดงบทบาทดีๆ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่างๆ เป็นไปได้ว่า คะแนนจะเพิ่มขึ้นได้อีก ทั้งนี้ตามสถานการณ์พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคกระแส แต่ได้กระแสเพิ่ม และจากคะแนนที่เขามีอยู่ ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งวันนี้ พรรคภูมิใจไทยอาจได้สส.แตะระดับ100” ผู้อำนวยการนิด้าโพล กล่าว

เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ตกสำรวจจะสร้างคะแนนนิยมได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า พรรคการเมืองที่ได้เกิน 1% มี 8 พรรค ซึ่งพบว่าล้วนอาศัยความเป็นบ้านใหญ่ และใช้ทรัพยากรทางการเมือง ต้นทุนกระแสของตัวเอง เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ มี 2% พรรคกล้าธรรมไม่มีกระแส ดังนั้นต้องใช้บ้านใหญ่ ทรัพยากรทางการเมือง และทุกพรรคต้องสู้เพื่อเอาคะแนนนิยมมาให้ได้

“หลังจากนี้การเมืองเข้มข้นมากขึ้น ในภาพใหญ่ต้องแย่งชิงคะแนน แม้ทุกพรรคไม่พูด แต่เชื่อว่าหลายพรรคมองตรงกันแบบฟันธงว่า จะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ และผมมองว่าเลือกตั้งก่อนสงกรานต์ปี 69 ดังนั้นมีเวลาไม่ถึงปีทุกพรรคต้องวิ่งหาคะแนน ดีลกลุ่มต่างๆ และสิ่งที่จะได้เห็นคือ รัฐบาลขัดแข้งขัดขากันมากขึ้น ชิงความได้เปรียบซึ่งกันและกัน หลังจากที่จบเรื่องของฮุนเซนแล้ว” นายสุวิชา กล่าว

เมื่อถามถึงการปรับ ครม. ล่าสุดที่พบว่ามีตัวแทนกลุ่มบ้านใหญ่เข้าดำรงตำแหน่ง นายสุวิชา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยต้องกอดบ้านใหญ่ให้ได้ เช่น นายสุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ บ้านใหญ่ฉะเชิงเทรา ที่คาดว่าได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่มีสิ่งที่พรรคคเพื่อไทยต้องระวัง คือ สส.จากภาคอีสานไม่ได้ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคะแนนในพื้นที่อีสานลดลง ทำให้ สส. อีสานส่วนหนึ่งต้องคิดว่า ที่ผ่านมาได้รับเลือกตั้งเพราะ อิงบารมีพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปจำเป็นหรือไม่ เพราะบารมีของพรรคและนายทักษิณร่วงลง

“หากพรรคเพื่อไทย ไม่กอดสส.อีสานไว้ เลือกตั้งรอบหน้าลำบากแน่ และเป็นสัญญาณอันตรายหากสส.อีสานขยับ ส่วนความมั่นคงของรัฐบาลหลังปรับครม.รอบนี้ ผมมองว่าอยู่ได้ระยะหนึ่ง จนถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร เจออุบัติเหตุทางการเมือง” นายสุวิชา กล่าว