โซเชียลจีน วิจารณ์ฮุนเซน เกาะติดจุดจบขัดแย้ง ผู้นำไทย - กัมพูชา
แม้ท่าทีอย่างเป็นทางการของจีน และสื่อจีนทางการในขณะนี้ จะไม่มีให้เห็น หรือพูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชา ในทุกระดับ รวมไปถึงข่าวสารที่จีนเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามแก๊งซ์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการนำเสนออย่างต่อเนื่องในประเทศตั้งแต่ต้นปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเงียบหายไป
มีการเผยแพร่บทความของไทกัวดอทคอม สื่อโซเชียลมีเดียที่เน้นวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน และชาวจีนพากันสนใจติดตามสถานการณ์ร้อนแรง และเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างผู้นำไทย และกัมพูชา
ทั้งนี้ ได้มีการลำดับเรื่องราวใหญ่ๆ ที่จุดเพิ่มความขัดแย้งรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่ฮุนเซนเผยแพร่คลิปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเขากับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สร้างความตกตะลึงทั้งประเทศไทยและทั่วโลก ถือเป็นเหตุการณ์เขย่ามิตรภาพ 30 ปีไทย-กัมพูชา และความไว้วางใจซึ่งกันและกันที่หล่อหลอมกันมาในช่วงหลายปี แปรเปลี่ยนเป็นความวุ่นวายสับสนวุ่นวาย
ถัดมา ฮุนเซนโพสต์ภาพห้องพักที่ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยลี้ภัยการเมืองในกัมพูชา พร้อมกันนี้ฮุนเซนเองก็ยังภูมิใจเพราะคิดว่าได้เปิดเผยเบาะแสสำคัญอ้อมๆ ในช่วงเวลาที่อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองออกจากประเทศไทย
ล่าสุดฮุนเซนยังยอมรับด้วยว่า ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างสองครอบครัวที่ดำเนินมานานกว่า 30 ปี ได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่กัมพูชาได้เผยแพร่บันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานนี้
คลิปเสียงดังกล่าว เป็นการสนทนาทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวระหว่างฮุนเซนกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ซึ่งเป็นการสนทนาแบบไม่เป็นทางการ
สื่อจีนได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ปล่อยคลิปก็คือ ไม่พอใจและกันข้อกล่าวหาจากโลกภายนอกที่ว่า ฮุนเซนและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชาคนปัจจุบัน “ขาดความเป็นมืออาชีพ”
โซเชียลจีนระบุ แม้ว่าทักษิณและยิ่งลักษณ์จะออกจากกัมพูชาไปนานแล้ว แต่สถานที่และที่พักอาศัยของพวกเขาในช่วงที่ถูกลี้ภัยควรเป็นความลับอย่างเคร่งครัด การนำห้องพักที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ไปแสดงต่อสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่เพียงแต่จะละเมิดขอบเขตความไว้วางใจพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดเผยทางอ้อมเกี่ยวกับเส้นทางหลบหนี และนั่นหมายถึงคุณมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อยกับสิ่งเหล่านั้นด้วยหรือไม่
"การเมืองไม่ใช่เพียงเกมแห่งอำนาจ และสิทธิกุมอำนาจ แต่ยังเป็นศิลปะการเมืองที่มีระเบียบและขอบเขต" สื่อโซเชียลจีนชี้
ในบทความไทกัวดอทคอมระบุด้วยว่า หากคุณพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูด ในขณะที่ควรเก็บปากไว้ ไม่ว่าคุณจะพูดว่า "เราเคยดีกัน" กี่ครั้ง ผู้คนฟังแล้วก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
พันธมิตรที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ที่แบ่งปันความทรงจำบนโมเมนท์ทางวีแชท แต่คือผู้ที่สามารถรับกับกระสุน (กระแส) แทนได้
ถึงอย่างไร คำพูดบางคำ เมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ ความไว้วางใจบางอย่าง เมื่อถูกทำลายไปแล้ว ไม่สามารถฟื้นคืนได้ ท่ามกลางยุคข้อมูลข่าวสารที่โปร่งใสและเผยแพร่อย่างรวดเร็ว
"การระบายอารมณ์" ที่เป็นการแสดงออกไม่เหมาะสม อาจขยายใหญ่เป็นระดับชาติ ซึ่งเป็นหนทางที่ทุกประเทศเลือกไม่ทำกัน
อ้างอิง TaiGua.com