BIZ: แค่ ‘เรียนไม่จบ’ อาจยังน้อยไป! เพราะผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ กำลังฮิต ‘ไม่เข้าเรียนมหา’ลัย’
อเมริกาเป็น 'สังคมแห่งโอกาส' ที่บูชา 'ผู้ประกอบการ' มาก เรียกได้ว่าใครใช้วิธีการทางธุรกิจในการแก้ปัญหาให้สังคมได้จะได้รับการยกย่อง และก็ไม่แปลกที่นี่เป็นสังคมที่เต็มไปด้วย 'เศรษฐีเทคโนโลยี' ซึ่งทั่วๆ ไปก็มักจะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังระดับโลก หรือไม่ก็ดังในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ใครๆ ก็อยากเป็น 'เศรษฐีเทคโนโลยี' โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่คนอยาก 'รวยเร็ว' กว่ายุคก่อนๆ
คำถามก็คือ เราจะไปตรงนั้นได้อย่างไร?
ความน่าสนคือ พวก 'เศรษฐีเทคโนโลยี' ยุคก่อนที่เด่นๆ หลายคนตั้งแต่ บิล เกตส์, สตีฟ จ๊อบส์, แลร์รี เอลลิสัน ไปจนถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ล้วนเป็นคนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ 'เรียนไม่จบ' สักคน เพราะออกมาทำบริษัทที่สร้างชื่อเสียงและตำนานให้พวกเขาในที่สุดทั้งนั้น
เรื่องราวเหล่านี้เป็นที่เล่าขานกันในหมู่คนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นผู้ก่อตั้ง Startup และเรียกได้ว่า ความคิดว่า 'จบมาก็ไปเป็นลูกน้องเขา' นี่คือเบาแล้ว เพราะเด็กอเมริกันที่มีหัวด้านผู้ประกอบการเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ คือเริ่มจงใจ 'ไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย' กันแล้ว บางคนโหดกว่านั้น เพราะออกจากโรงเรียนมัธยมปลายมาตั้งบริษัทก็ยังมี
นี่คือเรื่องราวที่ทาง Business Insider เล่า และมันไม่ใช่คนสองคน มันมีเป็นสิบ ระดับที่มันเริ่มเป็นเรื่องแปลก แล้วที่คนคิดจะทำ Startup ยุคนี้จะยอมเสียเวลาไปเรียนมหาวิทยาลัยก่อน
คำถามคือ แล้วปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
คำตอบอาจซับซ้อนหน่อย แต่อยากลองให้นึกภาพหน้าตาของ ผู้ก่อตั้ง Startup รุ่นใหม่เป็น 'ชายแท้' Gen Z ที่มองมหาวิทยาลัยเป็น 'พื้นที่ของผู้หญิง' และแหล่งความความ Woke ไม่มีความจำเป็นก็ไม่อยากไปเหยียบ เพราะสุดท้ายบรรดาฮีโร่ของพวกเขาแทบทุกคนที่ก่อตั้ง Big Tech ที่ครองอเมริกาทุกวันนี้ก็ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยกัน หรืออย่างน้อยก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเรียนจบเลยถึงจะทำบริษัทเหล่านั้นได้ ซึ่งเรื่องราวพวกนี้ไม่ได้แค่อยู่ในชีวประวัติของคนเหล่านี้ แต่มันก็ยืนยันจากปากของตัวพ่อของการต่อต้านการเรียนมหาวิทยาลัยอย่าง ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ผู้ร่ำรวยมาจาก PayPal และเป็นผู้ให้ทุนคนแรกกับ Facebook
ธีลไม่เชื่อว่าการเรียนมหาวิทยาลัยจะให้อะไรกับเรา (แม้ว่าเขาจะเรียนจบปริญญาโท) และเชื่อว่าถ้าคุณมีไอเดีย คุณลุยเลย ถ้าเจ๋งจริงเขาเป็นแหล่งทุนให้ เหมือนสมัยที่เขาเป็นให้ Facebook และกลายมาเป็น 'นักลงทุนเทวดา' (Angel Investor) หรือคนให้ทุน Startup ระดับตำนานคนหนึ่ง
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้เลิกทำ กลับกันคือ เขาทำจริงจังมาตั้งแต่ประกาศสิ่งที่เรียกว่า Thiel Fellowship มาในปี 2010 ซึ่งคือการให้ทุนกับคนอายุไม่เกิน 22 ปี ในการออกจากระบบการศึกษามาทำอย่างอื่น ไม่ว่านั่นจะเป็นการตั้ง Startup ทำวิจัย หรือสร้างขบวนการใดๆ ที่ปีเตอร์ ธีลเห็นชอบ เป็นเวลา 2 ปี โดยเขาก็ให้ทุน 200,000 ดอลลาร์ (ถ้าใครอายุไม่เกิน ไปสมัครได้ที่ https://thielfellowship.org/)
เอาจริงๆ ความแอนตี้มหาวิทยาลัยของธีลก็ไม่ได้ถูกปิดบังใดๆ เพราะหน้าเว็บของทุนก็มีการโควตนักมานุษยวิทยาชื่อดังอย่างมาร์กาเร็ต มีด ว่า “คุณย่าของฉันอยากให้ฉันมีการศึกษา เธอเลยไม่ให้ฉันเข้าโรงเรียน” ซึ่งไอเดียมันชัดมากว่าธีลมองว่าความรู้มันอยู่นอกระบบการศึกษาทางการ
แล้วอะไรคือ 'ผลผลิต' ของทุนนี้? จำนวนหนึ่งเลยคือ ผู้ก่อตั้ง Startup รุ่นใหม่ๆ ที่บางคนออกจากโรงเรียนมัธยมมาตั้ง Startup เลยที่ Business Insider เล่า อีกส่วนหนึ่งคือ ถ้ายังจำหน่วยงาน DOGE หรือ Department of Government Efficiency ของอีลอน มัสก์ ที่ตั้งมาเพื่อตัดงบประมาณหน่วยงานรัฐ ในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ได้ คนที่ทำงานใน DOGE นี่คือศิษย์เก่าที่เคยรับทุน Thiel Fellowship เพียบ ซึ่งแสดงให้เห็นสายสัมพันธ์ทางธุรกิจอันยาวนานของมัสก์และธีล ที่ทั้งคู่เคยเป็นผู้ก่อตั้ง PayPal ร่วมกัน ก่อนขายบริษัท รับเงินก้อนใหญ่ และเดินไปตามทางของตัวเอง
คือจะบอกว่าปีเตอร์ ธีลคือแกนกลางของ 'ขบวนการแอนตี้การเรียนมหาวิทยาลัย' ของเหล่าชายแท้ Gen Z ในอเมริกาก็ได้ แต่นั่นก็ไม่เกินจริง เพราะแม้ว่าธีลจะออกจากบทบาททางการของบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งและให้ทุนอย่าง Facebook และ Palantir แต่บริษัทพวกนี้ก็ยังดำเนินการไปในแนวทางเดียวกับที่ธีลต้องการอย่างเต็มเหนี่ยวอยู่
แน่นอน ฝั่งอเมริกาล้วนรับรู้และยอมรับอิทธิพลของปีเตอร์ ธีล ทั้งในแง่เศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งบทความหนึ่งใน Business Insider ที่พูดเรื่องเบื้องหลังการเมืองอเมริกามีคำโปรยว่า 'นี่คือโลกของปีเตอร์ ธีลแล้ว เราแค่อาศัยอยู่ในนั้น' ก็เป็นการแสดงให้เห็นการยอมรับอิทธิพลจากเงามืดของธีลได้เป็นอย่างดี
ประเด็นในที่นี้คือ เราไม่อาจมองกระแสการ 'ไม่เรียนมหาวิทยาลัย' ของบรรดาผู้ก่อตั้ง Startup รุ่นใหม่ๆ ในอเมริกาอย่างโดดๆ ได้ เพราะเรื่องนี้ การจบสิ้นลงของกระแส Woke และการขึ้นมาของอุดมการณ์แบบ 'ชายแท้' พร้อมๆ กับการขึ้นสู่อำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์ การตัดงบรัฐต่างๆ รวมถึงงบประมาณด้านการศึกษา จริงๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเดียวกันในการสร้าง 'โลกใหม่' ที่คนอย่างปีเตอร์ ธีลชักใยอยู่ในเงามืด
ภาพเล็กๆ ของโลกใหม่นี้คือไม่เชื่ออีกแล้วว่ารัฐควรสนับสนุนด้านการศึกษาระดับสูง มหาวิทยาลัยเป็นเรื่องของผู้หญิง ชายแท้ผู้จะเปลี่ยนแปลงโลกควรลงมาลุยแก้ปัญหาโลกเลย ไม่ต้องเสียเวลาเรียนมหาวิทยาลัยอีก ซึ่งประบวนการ 'ขยายลัทธิความเชื่อ' นี้ก็ดำเนินมาเป็นสิบปีแล้ว เราแค่เพิ่งเห็นผลของมัน หรือให้ตรงคือเราอาจ 'เห็นแต่ไม่สังเกต' เพราะตอนหลายคนเห็นสถิติผู้สนับสนุนทรัมป์ว่าเป็นพวกไม่เรียนมหาวิทยาลัยก็จะรู้สึกว่าพวกนี้การศึกษาต่ำ แต่ถ้ามองอีกด้านก็คือ พวกนี้ 'เกลียดและไม่เชื่อในการเรียนมหาวิทยาลัย' ต่างหาก