พิจิตรปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ชูทุ่งกระเจียวยักษ์ดึงท่องเที่ยว
ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในพิจิตร ดอกกระเจียวยักษ์บานรับนักท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จังหวัดพิจิตรจัดกิจกรรม “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ณ ป่าชุมชนบ้านเขาโล้น หมู่ 6 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ โดยมีนายธนิต ภูมิถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานในพิธี ซึ่งนับเป็นหนึ่งในห้าแปลงปลูกป่าต้นน้ำของจังหวัด บนพื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ โดยแปลงนี้เป็นแปลงที่ 4 และถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และชุมชน
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ภายใต้โครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ สร้างความสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศในพื้นที่ ซึ่งมีพรรณไม้หลากหลายกว่า 100 ชนิด รวมถึงสมุนไพรและดอกกระเจียวยักษ์ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบนพื้นที่กว่า 480 ไร่
นายสุเมธ เมธีรัตนาพิพัฒน์ นายอำเภอทับคล้อ กล่าวถึงศักยภาพของพื้นที่นี้ว่า ไม่เพียงเป็นป่าต้นน้ำสำคัญ แต่ยังเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะฤดูกาลดอกกระเจียวยักษ์ซึ่งบานสะพรั่งระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ทางด้านนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนองค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูป่าและป้องกันไฟป่าตั้งแต่ปี 2566 โดยทำแนวกันไฟกว่า 7,600 ไร่ ดูแลต้นไม้กว่า 1.5 ล้านต้น และผลิตปุ๋ยหมักจากใบไม้ได้มากกว่า 11 ตัน พร้อมชี้ว่า ทุ่งดอกกระเจียวยักษ์กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน
นายเศรษฐกรณ์ นาศพัฒน์ ประธานเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเขาหัวโล้น แต่การร่วมแรงของชาวบ้านและหน่วยงานรัฐทำให้สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ป่าชุมชนบ้านเขาโล้นยังเป็นหนึ่งใน 60 ป่าชุมชนตามแนวพระราชดำริที่นำพืชสมุนไพรไปขยายพันธุ์ที่อำเภอน้ำหนาว
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก น.ส.นวลจิรา แซ่หยาง หรือ “น้องชมพู่” Miss Universe Phichit 2025 และ น.ส.กุลปริยา สาระรักษ์ รองอันดับ 1 มาร่วมกิจกรรมปลูกป่า พร้อมเชิญชวนประชาชนมาเที่ยวชม โดยระบุว่าจากถนนสาย 11 เข้าถึงพื้นที่ได้สะดวก ระยะทางเดินเท้าราว 2 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง ก็จะพบกับความงามของดอกกระเจียวที่ใหญ่กว่าพื้นที่อื่นถึง 2-3 เท่า
ในขณะเดียวกัน ด.ญ.อารยา พนมเวช หรือน้องชมพู่ มัคคุเทศก์น้อยโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 60 ระบุว่า นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมฟรีตลอดฤดูกาล โดยเธอและเพื่อน ๆ จะนำชมธรรมชาติและถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
โครงการนี้ไม่เพียงส่งเสริมการปลูกป่าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชุมชนท้องถิ่น พร้อมเปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทำความรู้จัก “Spogomi” กีฬารักษ์โลกแนวใหม่ ที่ช่วยปฏิวัติวงการเก็บขยะ
- ศึกพลาสติกโลกเดือด เจออิทธิพลธุรกิจฟอสซิล ขวางสนธิสัญญาลดพลาสติก
- ทุกประเทศต้องเอาจริงเรื่องแก้ไขปัญหาโลกร้อน ไม่เช่นนั้นอาจถูกฟ้องร้องได้
- “ปากีสถาน” สั่งห้าม สร้างโรงแรมรอบทะเลสาบ ปกป้องธรรมชาติก่อนสายเกินไป
- ชวนคนกทม.แยกขยะ ในโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” ใครไม่แยก ต.ค.นี้จ่ายเพิ่ม 3 เท่า