เปิดพฤติกรรมคนไทยชอบกินสุกี้ 2.7 แสนจาน/ปี ศึกเป็ดชนเป็ด ใครชนะ!
สุกี้ คือ อาหารที่ทานง่าย และหาซื้อได้ไม่ยากตามท้องตลาดทั่วไป ถ้าอยากกินแบบธรรมดาๆทั่วไปก็ไปสั่งได้ตามร้านอาหารตามสั่งได้เลย มีให้เลือกทั้งสุกี้แห้ง และสุกี้น้ำซดแบบคล่องคอ ใส่เนื้อสัตว์ได้ตามความชอบไม่ว่าจะเป็น หมู หมึก กุ้ง เนื้อ หรืออื่นๆแล้วแต่ผู้ทานจะใส่ลงไปตามใจปรารถนา ส่วนใครที่อยากทานแบบเป็นกลุ่มก็มักจะเลือกร้านสุกี้ ชาบู ที่มีชื่อเสียงขึ้นมานิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น MK สุกี้ตี๋น้อย สุกี้จินดา ลัคกี้สุกี้ สุกี้ช้างเผือก ชาบูชิ โบนัสสุกี้ เป็นต้น และนอกจากนี้ยังแบรนด์อื่นๆอีกมากมาย
โดย นายจิรกิตติ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสงครามการแข่งขันในตลาดบุฟเฟต์หม้อไฟมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ไม่เพียงแต่สร้างสีสันและความคึกคักให้กับธุรกิจร้านอาหาร แต่ยังส่งผลถึงพฤติกรรมการสั่งอาหารผ่านบริการฟู้ดเดลิเวอรีด้วย โดยช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (มิถุนายน–กรกฎาคม 2568) พบว่า มีจำนวนการค้นหาเมนูสุกี้บนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว และมียอดสั่งเมนูสุกี้เติบโตขึ้นกว่า 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ (กว่า 80%) เลือกสั่งสุกี้จานเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นสุกี้แห้ง หรือ สุกี้น้ำ
ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเผยอินไซต์ผู้บริโภค (Consumer Insight) พบว่า ปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการ GrabFood สั่งเมนูสุกี้มากกว่า 270,000 ออเดอร์ ซึ่งเมนูยอดฮิตคือ สุกี้แห้งหมู ตามมาด้วย สุกี้แห้งเนื้อ และสุกี้แห้งทะเล โดย 3 แบรนด์สุกี้จานเดี่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ สุกี้ช้างเผือก สุกี้ดาวเรียง และ เอลวิสสุกี้&ซีฟู้ด” เป็นต้น
พามาดูความเคลื่อนไหวของตลาดสุกี้ไทย ช่วงนี้หลักๆจะเห็นมี 2 แบรนด์ใหญ่ที่มีความเคลื่อนไหว นั่นก็คือ MK ที่ล่าสุดได้ประกาศจัดโปรฯ บุฟเฟต์ 299 บาท ที่ได้เกิดขึ้นในช่วง เดือนมิถุนายน 2568 โดยร้านเอ็มเค สุกี้ ได้จัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์ราคา 299 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมในเดือนมิถุนายน เติบโต 9.2% พร้อมกันนี้ยังประกาศเปิดโบนัสสุกี้แบรนด์ในเครือที่พร้อมลุยศึกในครั้งนี้
ไม่เพียงเท่านี้ได้มีการขยายโปรฯ 299 บาท เพิ่มอีก 1 เดือน ช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 พร้อมขยายสาขาบริการบุฟเฟต์เพิ่มเป็น 299 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ก่อนที่เอาใจผู้บริโภคขยายไปจนถึงตลอดเดือนสิงหาคม 2568 แล้ว แถมส่งโปรโมชั่นพิเศษเช่น มา 4 คน เพิ่มเมนูกุ้ง เข้าไปด้วย
นอกจากนี้ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK Group ได้มีการสรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 3,793 ล้านบาท ลดลง 7.6% มีกำไรสุทธิ 276 ล้านบาท ลดลง 31.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ยอดขายสาขาเดิมลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง จากค่าครองชีพสูงและภาระหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจร้านอาหารแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
มาดูกันอีกหนึ่งแบรนด์ขวัญมหาชน อย่าง สุกี้ตี๋น้อย ที่ก่อนหน้านี้ได้ได้มีการประกาศโปรโมชั่นใหม่ เพื่อตอบโต้ MK ด้วยการให้เครื่องดื่มรีฟิลฟรีในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 16-30 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00-17.00 น. โดยราคาของบุฟเฟต์ที่เคยอยู่ที่ 199 บาท ไม่รวมรีฟิล จะมีการปรับราคา 255 บาท ตอนนี้เหลือเพียง 213 บาท และล่าสุดมาเปิดศึกครั้งใหม่ด้วยสงคราม “เป็ดย่าง” สู้กับเมนูดังเมนูในตำนานของ MK ที่ได้รับการยอมรับจากนักชิมทั่วประเทศ ว่าเป็ดย่าง MK คือ ยืนหนึ่ง
แต่… สุกี้ตี๋น้อย ก็ทำให้คนรู้ว่า ถ้าเธอมีฉันก็มีด้วยการเปิดตัวทีมสับเป็ด 200 คน พร้อมอบรมวิธีสับเป็ดจากเชฟใหญ่ชาวฮ่องกง พร้อมให้ FC สุกี้ตี๋น้อยได้สั่งเมนูเป็ดย่าง TN ได้ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2568 แถมยังย้ำว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง รับรองว่าตรงปกแน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้สุกี้ตี๋น้อยเคยเสิร์ฟเมนูหมี่หยกเป็ดย่างในรูปแบบของบุฟเฟต์มาแล้ว และมีการตอบรับค่อนข้างดี การต่อยอดสู่เมนูเป็ดย่างในครั้งนี้ก็อาจจะสู้กับ MK ได้
หลังจากเสิร์ฟเป็ดย่างไปได้ไม่นาน เหมือนจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จนสุกี้ตี๋น้อยต้องประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก สุกี้ตี๋น้อย ความว่า เป็ด Tn ปรับสูตรใหม่เรียบร้อย ขอโทษด้วยครับ! ที่เค็ม ตี๋น้อย คิดว่าจะกินกับหมี่หยก เริ่มกระจายเป็ด Tn คืนนี้ FC ไม่เปรียบเทียบกับที่อื่นนะครับ ขอยืนยัน เป็ด MK No. 1
ในขณะที่สุกี้ตี๋น้อยมีเป็ดย่างเหมือน MK ในส่วนของ MK ก็ตอบโต้ด้วยการแจกซาลาเปาไส้ครีม สูตร MK เมนูซิกเนเจอร์ที่หลายคนเรียกร้องแบบไม่อั้น รวมถึงอัดโปรพิเศษ มา 4 คน ฟรี “กุ้งแม่น้ำ” ไม่อั้นเหมือนเดิม โดยลูกค้าทานโปรโมชั่น คุ้ม คุ้ม อิ่มไม่อั้น 299 บาท รับสิทธิสั่ง “ซาลาเปาไส้ครีม” แบบไม่อั้น ทั้ง 299 สาขาทั่วประเทศ เฉพาะสาขาโลตัส บิ๊กซี โฮมโปร และสาขาที่ร่วมรายการ โดยสาขากรุงเทพฯและปริมณฑล เริ่มแจกวันที่ 14 สิงหาคม 2568 และสาขาต่างจังหวัดเริ่มแจกวันที่ 18 สิงหาคม 2568 จนถึง 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
ส่วนผลประกอบการของสุกี้ตี๋น้อย ล่าสุด บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เพิ่งประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 2 ปี 2568 ออกมา โดยทาง JMART ได้ถือหุ้นของบริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อย อยู่เป็นสัดส่วน 30% โดยไตรมาส 2 ปี 2568 เจ้าของร้านสุกี้ตี๋น้อยกำไร 311 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน -6.7%
ศึกสุกี้ในไทยกำลังเดินเกมกันอย่างเข้มข้น ต้องจับตาดูกันอีกต่อไปว่าแบรนด์ไหนจะออกมาทำตลาดในรูปแบบยังไง แต่…ที่แน่ๆผู้บริโภคได้ชิมอะไรใหม่ๆ และเห็นอะไรใหม่ๆแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง