กองทัพไทย แถลงวีรกรรม กัมพูชา ตีแผ่ไทม์ไลน์ ลวงโลก
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 จากกรณีคณะผู้แทนทางการทูต ผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศ และสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวมกว่า 100 คน เดินทางถึง จ.อุบลราชธานี เพื่อเตรียมลงพื้นที่แนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ได้มีการตั้งโต๊ะเเถลง ชี้เเจงสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วย
โดยในการแถลงการณ์ดังกล่าว มีผู้ร่วมแถลงการณ์ คือ นาย รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ.อ. พัฒนา พันธุ์มงคล กรมข่าวทหารบก พล.ต. วินทัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พล.ต. นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2
ทั้งนี้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดจนแสดงบทบาทของกองทัพไทยในการรักษาอธิปไตยและดำเนินการอย่างสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และเน้นย้ำความตั้งใจของไทยในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและผ่านกลไกทวิภาคี ทางกองทัพไทยจึงได้ทำการชี้เเจงโดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริง
เมื่อต้นปี 2568 - ก.ค. 2568 ฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้ยุทธวิธียั่วยุในหลายรูปแบบ เช่น นำพลเรือนเข้าพื้นที่พิพาท เผาสิ่งปลูกสร้างเชิงสัญลักษณ์ ขุดคูติดต่อ และลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (PMN-2) ในเขตไทย ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส 2 ราย
28 พ.ค. 68 เริ่มมีการปะทะด้วยอาวุธในพื้นที่ช่องบก
24 ก.ค. 68 กัมพูชาเปิดฉากยิงที่ปราสาทตาเมือนธม ตามด้วยการใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเข้าเป้าหมายพลเรือนไทยลึกจากชายแดน 30 กม.
เป้าหมายที่ถูกโจมตีรวมถึงโรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ และหมู่บ้านในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต และ บาดเจ็บ อพยพราษฎรกว่า 150,000 คน
2. การตอบโต้ของฝ่ายไทย
ฝ่ายไทยดำเนินการภายใต้ หลัก Right of Self-Defense ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ การตอบโต้มีเป้าหมายจำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา ไม่มุ่งรุกล้ำหรือโจมตีพื้นที่พลเรือน ย้ำหลัก Necessity และ Proportionality ตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการโจมตีจุดที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธในชุมชน แม้เป็นเป้าหมายทางทหาร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือน
3. สถานการณ์ปัจจุบัน
28-30 ก.ค. 68 แม้มีการตกลงหยุดยิงที่มาเลเซีย แต่ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลง ยิงปืนใส่หลายจุดใน จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษ
31 ก.ค. 68 ตรวจพบฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังและใช้โดรนบินล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างมีนัยสำคัญ
4. การตอบโต้ข้อกล่าวหาของกัมพูชา
ข้อกล่าวหา คือ ไทยรุกรานและใช้กำลังเกินขอบเขต
ข้อเท็จจริง คือ ไทยปฏิบัติภายใต้กฎหมายสากลและไม่ได้รุกรานก่อน
ข้อกล่าวหา คือ ใช้อาวุธเคมี
ข้อเท็จจริง คือ เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง ไทยเป็นภาคีอนุสัญญา CWC และภาพที่เผยแพร่มาจากเหตุการณ์ในสหรัฐฯ ปี 2022
ข้อกล่าวหา คือ ใช้ F-16 และ MK-84
ข้อเท็จจริง คือไทยใช้เฉพาะอาวุธจำเป็นและเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ภาพ MK-84 ที่กัมพูชาเผยแพร่เป็นระเบิดเก่าจากยุคสงครามเวียดนาม ไม่ใช่จากปฏิบัติการปัจจุบัน
ทั้งนี้ สรุปได้ว่า
ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มการใช้กำลัง ทั้งยังยิงใส่เป้าหมายพลเรือนอย่างจงใจ
ฝ่ายไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
ไทยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี และขอให้ประชาคมระหว่างประเทศติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการบิดเบือนข้อมูล และร่วมมือแก้ปัญหาผ่านการเจรจาทางการทูต