‘จุติ’ เตือนใช้เงินแบบเศรษฐีโดยไม่ประเมินผลอันตราย!
'จุติ' ถาม ปชช.ได้อะไรจากการจัดงบฯ 69 เหตุมีแต่ความเสี่ยง แนะ 5 ข้อกู้วิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทย ชี้ ถ้าตอบได้ ก็จะลงคะแนนให้ด้วยความสบายใจ ชี้การใช้เงินแบบเศรษฐี โดยไม่ประเมินผลเลย เป็นสิ่งที่อันตราย
13 ส.ค.2568 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายจุติ ไกรกฤษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า งบประมาณที่ตั้งไว้ตนเองมีคำถามมากมายกับคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ได้นำเสนอว่า เหตุผลที่อนุมัติและถ่ายงบประมาณมาให้เราพิจารณาวันนี้ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ เสถียรภาพทางการเมือง ประสิทธิผลของรัฐบาล การตรวจสอบถ่วงดุลที่มีความอ่อนแอ ทั้งหมดคณะกรรมาธิการได้นำมาพิจารณาในประเด็นนี้หรือไม่ ทำไมกรรมาธิการปล่อยให้ความเสี่ยงทางการคลังนั้นสร้างปัญหา ปัญหาในอนาคตแน่นอน เช่น รายจ่ายสูงเกินความเป็นจริง งบประมาณไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ งบผูกพันใหม่สูงถึง 350,000 ล้านบาท งบประมาณขาดดุลเกินมาตรฐานถึง 3 เท่า เป็นคำถามที่อยากจะได้คำตอบ ถ้าให้คำตอบที่น่าพอใจตนเองจะได้ลงคะแนนให้
นอกจากนี้ อยากจะถามคณะกรรมการด้วยว่าประชาชนได้อะไรจากการจัดสรรงบประมาณชุดนี้ มีวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ สงครามทางการค้า ชายแดน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ได้มีการยึดหลักอะไรบ้าง ที่หวังว่า จีดีพีจะโต ซึ่งธนาคารโลกกำหนด5 ประเด็นสำคัญเพื่อปฏิรูป พลิกฟื้นการเติบโตของประเทศไทยนั้น 1.การเสริมสร้างด้านความมั่นคงมนุษย์ 2. สร้างสรรค์เศรษฐกิจเชิงนวัตกรรม และพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน 3. การพัฒนาอย่างยั่งยืน การเตรียมความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลก 4.การเสริมสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันการเงิน และการคลังของรัฐ 5. การท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2580 และในการพิจารณาได้มีการยึดหลักอะไรบ้าง และได้ดูหรือไม่ว่างบประมาณนี้ไปถึงประชาชนหรือไม่
คำถามแรกที่ตนจะทวง ก็คือ วันนี้เงินที่ช่วยชาวนา 10,000 บาทต่อไร่ วันนี้ชาวนายังไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่จะให้เขา ท่านมีงบประมาณมากถึง 3 ล้านล้านบาท กู้ถึง 860,000 ล้านบาท ได้คำนึงถึงความวิตกของคนไทยหรือไม่ ในการพิจารณางบประมาณประชาชนห่วงอนาคตตัวเองว่าจะตกงานหรือไม่ และกรรมาธิการเสียงข้างน้อย พูดแล้วว่าคนอาจตกงานถึง 7 แสนคนในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียว กรรมาธิการได้จัดงบประมาณเตรียมไว้รับวิกฤตนี้หรือไม่ ต่อมาเป็นห่วงในเรื่องการคอร์รัปชั่นที่จะมีสูง ได้ดูแลในเรื่องนี้หรือไม่ รวมไปถึงเรื่องความยากจนและความไม่เท่าเทียมในสังคม รัฐบาลได้ดูแลงบประมาณนี้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่กังวลของประชาชนทั้งหมด อยากให้รัฐบาลได้ตอบว่า สิ่งที่ตนเองได้นำเสนอมานั้น รัฐบาลหรือกรรมาธิการนี้ได้พิจารณาละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
นายจุติห่วงอีกเรื่อง คือภาษีที่มนุษย์เงินเดือนได้จ่ายภาษีแต่ได้สวัสดิการที่ไม่เป็นธรรม และตนเองก็ไม่สบายใจ ที่คณะกรรมการวิสามัญเสียงข้างน้อยหยิบยกเรื่องตึกหนึ่งที่ค่าก่อสร้างสูงถึง 3,800 ล้านบาท วันนี้ยังเป็นหนี้ชาวนาที่ยังไม่ได้จ่ายรายละ 10,000 บาท และการไม่เผาฟางเพื่อฝุ่น PM 2.5 ทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครได้รับ
นายจุติ ยังห่วงด้วยว่า การพิจารณาของอนุกรรมการวิสามัญนั้น ได้ดูถึงการคุ้มค่าความจำเป็น ความเร่งด่วนของประเทศหรือไม่ ตอบโจทย์ประชาชนหรือไม่ ว่าประชาชนห่วงอะไร เช่น ตึก 3,800 ล้าน ไม่ควรปรับลดด้วยซ้ำควรจะชะลอไป 1-2 ปีเพราะว่าเรามีเงินกู้สูงถึง 8 แสนล้านบาท ที่รับราชการเพียงแค่พันคน แต่พื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
"ทั้งหมดนี้ ก็จะบอกได้ว่า สมมุติฐานวิธีการวิธีคิดของคณะกรรมการวิสามัญงบประมาณได้ใช้มือใครยาวสาวได้สาวเอา ชาวบ้านนั้นมือสั้นไปไม่ถึงหรือไม่ ดังนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงอยากจะฟังคำตอบจากคณะกรรมาธิการ ถ้าตอบได้หมดก็จะลงคะแนนให้ได้ด้วยความสบายใจ แต่หลายคนเห็นว่า การใช้เงินแบบเศรษฐี โดยไม่ประเมินผลเลย เป็นสิ่งที่อันตราย"