สัญญาณ “เด็กหูตึง” ตรวจคัดกรองเร็ว พัฒนาการไม่สะดุด
สูญเสียการได้ยินในเด็กเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คนส่วนใหญ่จะคิด เด็กประมาณ 4 ใน 1,000 คน เกิดมาพร้อมกับการสูญเสียการได้ยิน และเมื่ออายุ 12 ปีเด็กประมาณ 20% จะสูญเสียการได้ยิน ทุกพัฒนาการเริ่มจาก เสียง ที่ชัดเจน เพราะเสียงที่ได้ยินนำไปสู่การเรียนรู้และการสื่อสาร ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ
ปัจจัยเสี่ยงเด็กหูตึง
มีประวัติคนในครอบครัวหูตึงหรือพูดไม่ชัด ติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย มีภาวะตัวเหลือง ติดเชื้อบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหู ได้รับยาที่เป็นอันตรายต่อหูชั้นใน
เสียงแหบ-ไอเรื้อรัง อย่านิ่งนอนใจ อาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย
สัญญาณนิ่วในไต อันตรายจากปัสสาวะ ดื่มน้ำน้อยต้องระวัง!
สัญญาณเด็กสูญเสียการได้ยิน
ในเด็กทารก
- ไม่ตอบสนองต่อเสียง เช่น ไม่สะดุ้งหรือไม่หันตามเสียง
- ไม่มองตามทิศทางหรือหันหาเสียง
- ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ หรือเลียนแบบเสียง
ในเด็กวัยเรียน
- ไม่ทำตามคำสั่ง
- ถามซ้ำ หรือต้องพูดซ้ำๆ
- หงุดหงิดง่าย หรือสื่อสารไม่รู้เรื่อง
- พูดเสียงดัง
- ต้องเพิ่มระดับเสียงโทรทัศน์ โทรศัพท์
- พัฒนาการช้าทางภาษาและการสื่อสาร
- ประสบปัญหาการเรียน เรียนไม่ทัน
การคัดกรองการสูญเสียการได้ยินในเด็ก มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการทางภาษาและด้านอื่นๆของเด็ก
การตรวจประเมินการได้ยิน
การตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงบริสุทธิ์ (Pure-tone Testing)
- การประเมินความสามารถได้ยิน โดยมีระดับเสียงที่เบาที่สุดในแต่ละความถี่ทุ้มแหลม Pure- tone Testing ซึ่งมีการนำเสียงได้ 2 แบบ
- Air Conduction Testing การนำเสียงทางอากาศผ่านหูฟัง เป็นการตรวจผ่านการสื่อสารหูฟังและนั่งในห้องเก็บเสียง
- Bone Conduction Testing การนำเสียงทางกระดูก เป็นการติดอุปกรณ์เล็ก ๆ บริเวณด้านหลังใบหูหรือบนหน้าผากเพื่อการทดสอบการได้ยิน
การตรวจการได้ยินด้วยคำพูด (Speech Testing)
การตรวจวิธีนี้ควบคู่กับการตรวจแบบ Pure-tone Testing เพื่อประเมินความสามารถในการได้ยินและความสามารถในการพูดตามเสี่ยงที่ได้ยิน
การตรวจประเมินการทำงานของหูชั้นกลาง (Tests of Middle Ear)
การวัดการเคลื่อนไหวของเยื่อแก้วหูและหูชั้นกลางที่มีต่อแรงดันอากาศและเสียงดัง เช่น แก้วหูฉีกขาด มีน้ำมีหนองหรืออักเสบติดเชื้อของหูชั้นกลาง ท่อระบายความดันในหูชั้นกลางทำงานผิดปกติ เป็นต้น
การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง Auditory Brainstem Response (ABR)
เป็นการประเมินเส้นประสาทระหว่างหูชั้นในกับสมอง โดยวิธีการตรวจจะใส่หูฟังที่เป็นโฟมนิ่ม ๆ ใส่เข้าไปในรูหู และติดขั้วนำไฟฟ้าบนหน้าผาก ด้านหลังใบหูหรือติ่งหูทั้งสองข้างซึ่งขั้วนำไฟฟ้าจะบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองที่ตอบสนองต่อเสียงที่ใช้ตรวจ และคลื่นไฟฟ้าสมองจะแปลผลผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้ตรวจในเด็กที่ไม่สามารถตรวจการได้ยินแบบ Pure-tone Testing ได้ หรือตรวจ Otoacoustic Emissions Test : OAE ไม่ผ่าน
การตรวจวัดเสียงสะท้อนจากหูชั้นใน (Otoacoustic Emissions Test : OAE)
เป็นการตรวจการทำงานของหูชั้นใน ผ่านเสียงสะท้อนของเซลล์ขนภายในหูชั้นใน ซึ่งการตรวจจะใส่หัวตรวจมีปลายเป็นยางนิ่ม ๆในรูหู และส่งสัญญาณวัดเสียงที่สะท้อน เซลล์ขนจะสั่นสะเทือนเมื่อเสียงคลื่นเสียงมากระทบ ในผู้ที่สูญเสียการได้ยิน เซลล์ขนในหูชั้นในจะทำงานไม่ปกติ โดยผลจะแสดงออกทางหน้าจอเครื่องตรวจวัด
หากคุณสังเกตว่าเด็กมีพฤติกรรมที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาการได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นการไม่ตอบสนองต่อเสียง พูดช้ากว่าปกติ หรือมีปัญหาด้านการเรียนรู้ ขอแนะนำให้รีบเข้ารับการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 2