"สมศักดิ์" ลุยลดโรค NCDs 50 เขตกทม. ดึง อสส. สื่อสารคนกรุง
8 สิงหาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน พื้นที่กรุงเทพมหานคร "กินเป็น ไม่ป่วย สวยหล่อ อายุยืน 100 ปี" ทำสุขภาพดียั่งยืน โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้เนื่องจากตนได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน พื้นที่กรุงเทพมหานคร "กินเป็น ไม่ป่วย สวยหล่อ อายุยืน 100 ปี" ทำสุขภาพดียั่งยืน
มีนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานคณะทำงาน มีหน้าที่วางแผน ส่งเสริม สนับสนุน สร้างความรู้ความเข้าใจประชาชน ตลอดจนการบริหารจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โดยใช้กลไกการทำงานผ่านอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสส. ทั้ง 50 เขต
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยากเห็นคนกทม.อายุ 100 ปีขึ้นจึงมาขับเคลื่อนลดโรค NCDs ในพื้นที่ กทม. เพราะต้องยอมรับว่า พื้นที่ กทม.นั้น หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีองคาพยพที่แข็งแรงทำให้ที่ผ่านมาเป็นพื้นที่หลังสุดที่จะถูกขับเคลื่อน อย่าง โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ กทม.ก็เข้ามาหลังสุด
ดังนั้น การจัดกิจกรรมในพื้นที่ กทม.ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายสาธารณสุข และช่วยลดโรค NCDs ให้กับประชาชนในพื้นที่ กทม.ด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
สำหรับการจัดกิจกรรมนับคาร์บ ลดโรค NCDs ในพื้นที่ กทม. จะมีการจัดขึ้นทั้งหมด 25 ครั้ง เพื่อให้ อสส.ที่มีจำนวนกว่า 13,000 คน สามารถไปสอนประชาชนในพื้นที่ กทม.นับคาร์บได้ เพราะต้องยอมรับว่า สาเหตุการเกิดโรค NCDs คือ การกินมากจนเกินไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนทั่วประเทศ ให้ อสม.กว่า 1 ล้านคน สอนประชาชนนับคาร์บได้แล้วกว่า 41 ล้านคน โดยมีตัวเลขชัดเจนในการลดจำนวนผู้ป่วยและลดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมากซึ่งพบว่า จากผู้ป่วยเข้าคลินิก 248,798 คน หายป่วยแล้ว 26,056 คน หยุดยาได้ 16,201 คน ลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 717 ล้านบาทต่อปี แต่ในพื้นที่ กทม.ยังไม่ค่อยได้ขับเคลื่อนตนก็จะเร่งขับเคลื่อนในพื้นที่ กทม.อย่างเต็มที่
ด้านนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานฯ กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการนี้ถือเป็นงานยากและใหญ่ โดยที่ผ่านมาการลดโรค NCDs ล้มเหลวมาโดยตลอดหลายสิบปีแต่พอได้ฟังแผนการขับเคลื่อน ก็มีความฝัน และคิดว่า มีโอกาสสำเร็จซึ่งปัญหาที่ล้มเหลวเพราะ 30-40 ปี เรามีปัญหาโรคขาดสารอาหารจึงเน้นการบริโภคแต่ตอนนี้เรามีปัญหาบริโภคเกินกว่าการขาดสารอาหารแล้ว ในรอบ 100 ปี ประชากรโลกเพิ่มขึ้น 5 เท่าแต่ปริมาณอาหารเพิ่มถึง 100 เท่า
ดังนั้น เราต้องแก้ให้ถูกจุด ซึ่งตนคิดว่า การทำโครงการนี้ ตรงจุดแล้ว ที่จะเน้นการทานอาหารให้เหมาะสมกับร่างกาย และสร้างการรับรู้กับประชาชน เพราะยังมีคนจำนวนไม่น้อย ยังเข้าใจว่า จะลดน้ำหนัก ต้องออกกำลังกายเยอะ ๆ เท่านั้น