วิธีรับมือ “ความเครียด” ผลกระทบจากการเสพข่าว ผ่านสื่อออนไลน์
พญ. ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิษณุเวช หนึ่งในเครือโรงพยายาล PRINC Group กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาสุขภาพจิตจากการเสพข่าวออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้คนเกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัว รู้สึกหมดแรง หวาดระแวง หรือแม้กระทั่งมีอาการตื่นตระหนกซ้ำ ๆ ในแต่ละวัน
โดยเฉพาะกลุ่มที่พบมากที่สุด คือ วัยทำงานตอนต้นถึงกลางคน อายุประมาณ 28-42 ปี ซึ่งเป็นวัยที่รู้สึกว่า "ต้องรู้ทันข่าว" ตลอดเวลา รวมถึงในกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ได้รับผลกระทบจากสื่อออนไลน์และการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) ทำให้เกิดผลร้ายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งควรตระหนักว่าอาการแบบไหนส่งสัญญาณเตือนถึงร่างกายและจิตใจ ดังนี้
- อาการทางร่างกาย: ปวดศีรษะเรื้อรัง, นอนไม่หลับ, ฝันร้าย, ใจสั่นบ่อย, อ่อนเพลียแม้พักผ่อนแล้ว
- อาการทางจิตใจ: กังวลง่าย, หงุดหงิดง่าย, พฤติกรรมเลี่ยงการเข้าสังคม, รู้สึกไม่อยากพูดคุยกับใครเลย
วอย่าง ผู้ป่วยเพศหญิง วัยกลางคน มีประวัติคุณพ่อเคยเป็นทหารผ่านศึกสงครามช่วงที่ผู้ป่วยยังเป็นเด็ก และในช่วงปัจจุบันคนไข้ได้ติดตามข่าวเรื่องสถานการณ์สงคราม หรือสถานการณ์ไม่สงบต่างๆ และการเกิดเหตุร้ายซ้ำๆติดต่อกัน มีความเชื่อมโยงกับความกลัวความกังวลในอดีตตอนที่ผู้ป่วยยังเป็นเด็ก
โดยเริ่มเกิดอาการของ PTSD หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงเป็นความผิดปกติทางจิตใจหลังติดตามข่าวสารต่อเนื่องมา 1-2 สัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยเริ่มมีความวิตกกังวลมากกว่าปกติ ฝันร้าย มีความตกใจง่าย กระวนกระวายใจ นอนไม่หลับมากขึ้น จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
กระทั่งมาปรึกษาแพทย์ และได้รับการรักษาด้วยการแนะนำการจำกัดเวลาเสพข่าวการทำจิตบำบัดในส่วนของประสบการณ์ในอดีตจนอาการดีขึ้น และเน้นย้ำเรื่องการรับข้อมูลข่าวสารต่อไปในอนาคตต้องสามารถมี Media Literacy หรือการรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง
แพทย์หญิงทินารมภ์ กล่าวว่า อาการเหล่านี้คือเสียงเบา ๆ ของร่างกายที่กำลังร้องขอการดูแล หากอาการเหล่านี้รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หลับยากทุกคืน หรือมีความคิดทำร้ายตัวเอง อย่ารอช้า ควรมาพบจิตแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งวิธีรับมือและป้องกันตัวเองมี ดังนี้
- ตระหนักรู้และยอมรับ: ขั้นแรกคือการยอมรับว่าเรากำลังได้รับผลกระทบจากข่าวสาร
- กำหนดเวลาในการเสพข่าว: กำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น วันละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 นาที
- Digital Detox: ลองงดใช้โทรศัพท์ก่อนนอน 1 ชั่วโมง หรือกำหนด"วันไร้หน้าจอ" อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
- เลือกแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ: เลือกสื่อที่มีแหล่งอ้างอิงชัดเจนและไม่ใช้ภาษาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรง
- บทบาทของครอบครัว: ครอบครัวควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย และให้การสนับสนุน เช่น พาออกไปเดินเล่น หรือทำ
"เราควบคุมข่าวไม่ได้ แต่เราควบคุมการตอบสนองของตัวเองได้ อย่าให้ข้อมูลกลืนความเป็นมนุษย์ของคุณไป และอยากให้ทุกคนตระหนักว่า"ใจของเราก็มีขีดจำกัดในการรับข้อมูลเหมือนร่างกาย" อย่าละเลยเสียงในใจที่บอกว่าเหนื่อยแล้ว เราทุกคนมีสิทธิ์จะดูแลใจของตัวเองก่อน โดยไม่ต้องรู้สึกผิด”
ดังนั้น สังคมไทยควรเริ่มให้ความสำคัญกับ “การรู้เท่าทันสื่อ” (Media Literacy) ตั้งแต่ระดับเยาวชน รวมถึงการอบรมครู พ่อแม่ และผู้นำชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาว