CEO แจงปมหุ้น THAI ดีล AOT หนุนพันธมิตร
#THAI #AOT #ทันหุ้น – บิ๊กการบินไทยเปิดใจกรณีหุ้น THAI ผันผวน เป็นการเก็งกำไรในประเทศ ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานธุรกิจ ต้องรับความเสี่ยงเอง ส่วนตัวมีหุ้นไม่ถูกล็อกแต่ก็ไม่ขาย รับต่างชาติยังไม่เข้าเหตุฟรีโฟลตต่ำ ยืนยันกลยุทธ์พันธมิตรถูกทางทำค่าตั๋วสูง ชูเข้าไฮซีซันยุโรป อัตราบรรทุก 90% จ่อรับเครื่องบินเพิ่ม 20 ลำ ดีล AOT จัดโซนนิ่งให้สตาร์อัลไลแอนซ์
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยถึงความผันผวนของราคาหุ้น THAI ซึ่งกลับมาเทรดอีกครั้งโดยเปิดตลาดที่ 10.50 บาท ขึ้นไปสูงสุด 19.4 บาท และปรับตัวลดลงมาล่าสุดอยู่ที่ 12.90 บาท ว่า การบินไทยไม่มีอำนาจที่จะควบคุมราคาหุ้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมนักลงทุน ซึ่งในตลาดหลักทรัพย์ไทยส่วนใหญ่เป็นนักเก็งกำไร โดยย้ำว่าการขึ้นลงของราคาหุ้นเพียงข้ามคืนไม่ได้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่แท้จริง นักลงทุนต้องเข้าใจและรับความเสี่ยงนี้ด้วยตนเอง โดยส่วนตัวนั้นถือหุ้นการบินไทยอยู่เช่นกันและไม่ได้ถูกล็อกอัพ แต่ไม่ได้ขายหุ้นในช่วงราคาขึ้นสูงแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งเพราะต้องการรักษาภาพลักษณ์ของ THAI ด้วย
ปัจจุบันหุ้น THAI มีจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาด (Free Float) น้อย 6% ซึ่งเป็นสาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุนในหุ้น THAIมากนัก อย่างไรก็ดีคาดว่าฟรีโฟลทจะเพิ่มเป็น 12% ในปีหน้า และตั้งเป้าไว้ที่ 16% โดยยอมรับว่าการที่กระทรวงการคลังใส่เงินเข้ามาในการบินไทยเป็นภาษีประชาชน แต่อยากให้มองว่าหากรัฐบาลขายหุ้นและมีกำไรจาก THAI เงินที่ได้จะกลับคืนสู่รัฐในรูปของงบประมาณ และประชาชนก็จะได้รับประโยชน์จากกำไรที่ได้จากการลงทุนนี้
@ กระจายเสี่ยงผู้โดยสาร
นายชาย ยืนยันว่าสถานการณ์ของ THAI นั้น ประสบความสำเร็จจากยุทธศาสตร์กระจายความเสี่ยงผู้โดยสาร เน้นผนึกพันธมิตรต่อเครื่อง ไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวเข้าออกเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จะเห็นได้จากแม้มีข่าวว่านักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่ข้อมูลเชิงลึกแสดงว่าการบินไทยไม่ได้รับผลกระทบ โดยมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป ออสเตรเลีย และโซนอื่น ๆ ที่เติบโตขึ้น นับเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ในการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ หากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ ผู้โดยสารไม่เข้าประเทศ
“การบินไทยไม่ได้เน้นขายตั๋วแบบ Point-to-Point ในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากคนไทยมักจองตั๋วล่วงหน้าสั้น (เต็มที่ 2 อาทิตย์) ทำให้ที่นั่งมักถูกจองโดยผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางมาต่อเครื่อง ผู้โดยสารที่ต่อเครื่องจากต่างประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 80% ขึ้นไปในเที่ยวบินในประเทศ โดย 30% มาจากยุโรป”
@ วางเกมแข่งขัน
นายชาย ยอมรับว่า กลยุทธ์ Code Share ของการบินไทย คือ การทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินอื่น (Codeshare Agreement) เพื่อขยายเครือข่ายเส้นทางบิน เชื่อมต่อกับเส้นทางบินภายในของสายการบินพันธมิตร ทำให้ราคาตั๋วโดยสารสูงอยู่ได้
แต่ในส่วนของการกลยุทธ์การแข่งขันนั้น มองว่า ค่าโดยสารขึ้นอยู่กับตลาด การบินไทยก็มีราคาที่แข่งขันได้ เช่น เส้นทางสิงคโปร์-กรุงเทพฯ ที่สามารถเสนอราคา 6,000-7,000 บาทพร้อมกระเป๋าได้ เทียบเท่าสายการบินต้นทุนต่ำที่ไม่มีกระเป๋า และมีการให้ผู้โดยสารเล่นเกมจองตั๋วให้ทันเพื่อได้ราคาที่ดี การให้บริการบนเครื่องบิน ให้ผู้โดยสารเลือกบริการอาหารในอนาคต นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารอินเดียจากร้านดังบนเครื่องบินสำหรับเส้นทางที่เหมาะสม
“การบินไทยไม่แพ้สิงคโปร์แอร์ไลน์ (SQ) ซึ่งเป็นสายการบินอันดับ 1 หรือ 2 ของโลก แต่อาจจะยกเว้นเพียงเรื่องของเก้าอี้ ซึ่งได้แก้ไขแล้ว”
บริษัทมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) โดยรวมอยู่ที่ 77% ช่วง Low Season เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณกลาง 70% ช่วง Peak Season จะสูงถึง 90% ปัจจุบันเส้นทางยุโรป (ไป-กลับ) มี Load Factor สูงถึง 90% เส้นทางในประเทศมี Load Factor สูงถึง 98%
“ในช่วงไตรมาส 3 เข้าสู่ไฮซีชันยุโรปทำให้ Load Factor ยุโรป 90% จีนกว่า 70% พร้อมอยู่ระหว่างทำ Barter พันธมิตรหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านอาหารชั้นนำทั่วโลก เพื่อนำเมนูที่มีชื่อเสียงขึ้นมาเสริฟบนเครื่อง”
พร้อมกันนี้จะมีการเจรจากับ บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพื่อขอ Incentive Operation Efficiency การจัดโซนนิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารในสตาร์อัลไลแอนซ์ (Star Alliance) ระหว่างรอต่อเครื่อง
@ จ่อรับเครื่องบินเพิ่ม
นายชาย ยืนยันว่า บริษัทยังมีข้อจำกัดด้านเครื่องบิน ปัจจุบันการบินไทยบินไปยัง 5 เมืองหลักของจีน และมีหลายพื้นที่ที่ยังให้บริการได้ไม่เต็มที่ เช่น เชียงรายเดิมมี 2 เที่ยวบินต่อวัน แต่ปัจจุบันเหลือ 1 เที่ยวบินต่อวัน เพราะไม่มีเครื่องบิน และได้ใช้เครื่องบินที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว โดยต้องหาวิธีบริหารจัดการเที่ยวบินในระยะเวลา 5-6 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมืองที่ต้องการเปิดเส้นทางบิน ซึ่งต้องรอเครื่องบินใหม่ที่จะเข้ามาในปีหน้า เครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-Body) จะเริ่มเข้ามา แต่ผลลัพธ์ของกลยุทธ์จะยังไม่ออกดอกออกผลเต็มที่นัก เพราะการเชื่อมต่อผู้โดยสารระหว่างเครื่องบินลำตัวแคบกับลำตัวกว้างยังไม่ลงตัว ขณะที่เครื่องบิน A321 อยู่ระหว่างการทดสอบและจะรับครบ 20 ลำภายในเดือนนี้