จีน-อินเดียจับมือ “รีเซ็ตสัมพันธ์” คืนไฟลต์ตรง-ดันการค้า ฝ่าภาษีทรัมป์
อินเดียและจีนส่งสัญญาณ “ละลายพฤติกรรม” กันอีกครั้ง หลังจากความสัมพันธ์ตกต่ำสุดในรอบหลายปีจากเหตุปะทะชายแดนปี 2020 โดยทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงฟื้นเที่ยวบินตรงที่ถูกระงับมาตั้งแต่โควิด-19 รวมถึงผลักดันการค้า การลงทุน และการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า พร้อมทั้งเตรียมเปิดด่านการค้าตามแนวพรมแดน 3 จุด เพื่อหนุนการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการเยือนของหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่เดินทางไปกรุงนิวเดลีเพื่อเข้าร่วมการหารือรอบที่ 24 ร่วมกับอาจิต โดวาล ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของอินเดีย โดยทั้งสองฝ่ายได้ถกเถียงกันในหลายประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการถอนกำลังทหารออกจากแนวชายแดนหิมาลัย การกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน และความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดน ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะจัดตั้งคณะทำงานถาวรเพื่อประสานและผลักดันการเจรจาในทุกมิติ ครอบคลุมพื้นที่ด้านตะวันออก กลาง และตะวันตก โดยรอบการหารือครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่จีนในปี 2026
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ย้ำว่าความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์ระหว่างอินเดียกับจีนจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภูมิภาคและต่อสันติภาพโลก พร้อมเตรียมเดินทางเยือนจีนสิ้นเดือนนี้เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนับเป็นการไปเยือนครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี
ในอีกด้านหนึ่ง อินเดียได้หยิบยกประเด็นกังวลเรื่องโครงการเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำยาร์ลุง ซางโป ในเขตทิเบต ซึ่งไหลต่อเข้าสู่อินเดียและบังกลาเทศในชื่อแม่น้ำพรหมบุตร โดยอินเดียเน้นย้ำถึงความจำเป็นด้าน “ความโปร่งใสสูงสุด” เนื่องจากโครงการดังกล่าวกระทบต่อประเทศปลายน้ำ จีนจึงตอบรับที่จะให้ข้อมูลน้ำท่วมฉุกเฉินและจัดตั้งกลไกระดับผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือร่วมกันในอนาคต
อีกประเด็นสำคัญคือคำมั่นของจีนที่จะจัดหาสินค้าและทรัพยากรที่อินเดียต้องการอย่างเร่งด่วน ทั้งปุ๋ย ธาตุหายาก (Rare Earths) และเครื่องจักรเจาะอุโมงค์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยก่อนหน้านี้จีนผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกยูเรีย ขณะที่อินเดียได้กลับมาออกวีซ่านักท่องเที่ยวให้ชาวจีนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี การฟื้นสัมพันธ์ครั้งนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียและจีน รวมถึงขู่ลงโทษอินเดียที่ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย ด้วยการเก็บภาษีสูงถึง 50% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ทำให้ทั้งนิวเดลีและปักกิ่งต่างมองว่าการร่วมมือกันเป็นทางออกในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและรับมือกับความไม่แน่นอนของการค้าโลก
รัฐมนตรีต่างประเทศ ซุบรามณัม ไจชังการ์ ของอินเดีย ระบุชัดว่าทั้งสองประเทศต้องการความสัมพันธ์ที่ดีกว่าในอนาคต โดยย้ำว่าความแตกต่างไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้ง ขณะที่หวัง อี้ กล่าวว่าจีนและอินเดียควรเสริมสร้างความเชื่อมั่นผ่านการเจรจาและขยายความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภูมิภาคและโลกในช่วงที่การค้าเสรีกำลังเผชิญแรงกดดันจาก “การกลั่นแกล้ง”