"ภูมิธรรม" เบรกอินฟลูฯ อย่าใช้รถดูดส้วมยั่วยุเขมร หวั่นไทยถูกลากขึ้นศาลโลก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังนำรถดูดส้วมไปที่บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว กว่า 10 คัน จะกระทบภาพลักษณ์ของประเทศไทยหรือไม่เพราะขณะนี้รัฐบาลเน้นใช้กระบวนการเจรจา ว่า เรื่องนี้ต้องมองอย่างแยกแยะ ถ้าพูดถึงท่าทีของรัฐบาลก็เป็นท่าทีที่เป็นบวกทั้งหมดอยู่แล้ว แต่นี่เป็นสภาพความรู้สึกความคิดเห็นของรายบุคคล ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าในฐานะประชาชนก็ต้องช่วยกัน อย่าทำอย่างนั้นเลย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนพูดไปเดี๋ยวทัวร์ลงอีกว่า “เป็นคนไทยใจเขมร” แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวัง เพื่อให้นานาชาติเข้าใจ เพราะการต่อสู้นี้ถ้าทำไม่ดีจะไปผูกพันกับเรื่องของดินแดน และอีกหลายอย่าง ยิ่งลากเราเข้าไปอยู่ศาลโลกจะยิ่งมีปัญหา เราไม่อยากเข้า เพราะเราไม่ได้รับรองตรงนั้น
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เท่าที่ตนได้คุยกับกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้มีอะไรน่าหนักใจ ก็เป็นการพูดคุยทำความเข้าใจกัน ขณะนี้โลกมองอยู่ และเข้าใจดีว่าไม่ใช่บทบาทความต้องการของรัฐบาล เป็นเรื่องของประชาชนเป็นส่วนหนึ่งในสังคมประเทศไทย
ประสานผู้ว่าฯ-ตำรวจ-พม.สุรินทร์ หาช่องช่วยเด็กกัมพูชา
นายภูมิธรรม กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการแก้ปัญหากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมนักเรียนชายวัย 13 ปี ที่โรงเรียน หลังจากควบคุมตัวมารดาซึ่งเป็นชาวกัมพูชา ในฐานความผิดลักลอบเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายว่า ตนรับทราบจากภาพของสื่อมวลชนเมื่อเช้านี้ และเห็นคลิปภาพซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนใจของคุณครูที่อยู่ในโรงเรียนทั้งหมด เพราะเห็นเด็กมาตั้งแต่เล็กๆ เข้าเมืองมาแล้วมาอยู่ที่นี่ และอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ซึ่งไม่ได้มีเจตนาชัดเจนว่าจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆภายในประเทศ ความผิดอาจจะมีคือ ลักลอบเข้าเมือง โดยเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะถึงขนาดครูโพสต์ลงโซเชียลถึงความสะเทือนใจและจะหาทางแก้ไขปัญหา
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อตนทราบเรื่องได้สั่งการให้ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทยและเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามประสานไปยังพื้นที่ ซึ่งทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลแล้ว ยืนยันเราไม่ได้มีเจตนาทำให้เกิดความสะเทือนใจเช่นนี้ แต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อทราบเหตุการณ์แล้วก็ต้องดูเป็นกรณีไป ย้ำว่ากรณีนี้ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี และไม่ได้ทำให้สังคมไทยเกิดปัญหาด้านความมั่นคง มีตัวตน มีที่อยู่ ซึ่งตนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พัฒนาสังคมจังหวัด ลองคิดและหาช่องทาง
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เรื่องนี้น่าจะหาทางออกได้ดีที่สุด แต่ขอเวลาสักนิด เพราะไม่ใช่ปัญหาด้านอาชญากรรม เด็กยังคงเรียนหนังสืออยู่ ถ้าจะแยกตัวตามกฎหมาย แม่ต้องถูกผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนเด็กยังอยู่ได้ เพราะถูกคุ้มครองด้วยอายุยังไม่ถึง 15 ปี แต่การที่จะให้เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีอยู่โดยไม่มีญาติพี่น้องในประเทศไทย ในฐานะที่ถูกปกป้องตามกฎหมายก็จะเป็นการจัดการทางมนุษยธรรมที่ยากเกินไป อย่างไรก็ตาม ขออย่ากังวลใจ เพราะเรารับรู้และรับทราบเรื่องแล้ว ทุกฝ่ายปฏิบัติต่อเด็กเป็นอย่างดี และได้สั่งการให้หาช่องทางทางกฎหมายและการดำเนินการ จะแก้ไขปัญหานี้ให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังถูกคุมตัวหรือสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเด็กถูกควบคุมตัว แต่ขณะนี้เด็กคลายความกังวลแล้ว ส่วนจะเรียนต่อได้หรือไม่ ต้องไปดูบนฐานช่องทางทางกฎหมาย เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ เมื่อถามว่า มีโอกาสจะได้สัญชาติไทยหรือไม่ เพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เด็ก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องหาช่องทางและต้องมีกฎหมายรองรับ เพราะไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเดียว แต่ต้องดูไปถึงแม่เด็กด้วย เหมือนเช่นเดียวกับกรณีชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวมากว่า 10 ปี ที่ต้องหาช่องทางในการคลี่คลาย เราไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรนอกจากผลักดันเขาออกจากประเทศ แต่พื้นฐานเด็กยังไม่รู้เรื่องอะไร แล้วจะกลับไปได้อย่างไร กฎหมายต้องว่าให้ถูกต้อง มนุษยธรรมต้องดูให้สอดรับกับความเป็นจริง ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป
เมื่อถามถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการเสนอให้เด็กกลับไปทำเอกสารขอเข้าเมืองให้เรียบร้อยและกลับเข้ามาเรียนอีกครั้ง ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ปี 2522 กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาเรื่องนี้ให้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีการควบคุมตามกฎหมาย แต่กำลังหาช่องทางอยู่ และเมื่อคุมตัวไปแล้วจะกักขัง หรือให้อยู่บ้านแล้วไปโรงเรียน ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะตนไม่สามารถตอบ อะไรที่เกินเลย ไปกว่านี้ได้ ต้องอยู่ที่รายละเอียดของความเป็นจริง ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยธรรมอยู่แล้ว และจะพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่