"สมศักดิ์" ปลื้มผล "นับคาร์บ" ปีแรก ลดผู้ป่วย NCDs เข้าสู่ระยะสงบ 2.8 หมื่นคน ประหยัดค่ารักษา 787 ล้าน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) คนที่ 1 กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 7/2568 ว่า การดำเนินโครงการนับคาร์บ ที่ สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาเว็บไซต์ www.นับคาร์บ.com รวบรวมคลังความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรตและโรคไม่ติดต่อ(NCDs) พร้อมเทคนิคดูแลสุขภาพ เช่น การเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกาย วิธีออกกำลังกายให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัย นวัตกรรมโปรแกรมคำนวณคาร์บ เพื่อให้ประชาชนหาปริมาณคาร์บและอาหารที่เหมาะสม สามารถสร้างความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ และทำให้คนไทยเรียนรู้การนับคาร์บแล้ว 42,206,405 คน โดยจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 24 สิงหาคม 2568 มีผู้ป่วย NCDs เข้าสู่ขั้นตอนการรักษา 267,847 คน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์โรคสงบ 28,506 คน หรือคิดเป็น 14.9% ลดยาลงได้ 29,886 คน คิดเป็น 15.6% และหยุดยาได้ 17,790 คน คิดเป็น 14.9% คิดเป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ที่สามารถประหยัดได้ถึง 787.94 ล้านบาท/ปี
“สสส.ใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารรณรงค์ทำงานร่วมกับ สธ. ในโครงการนับคาร์บ ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างดีเยี่ยม ประเด็นนี้ถือเป็นนโยบายการดูแลสุขภาพประชาชนที่สามารถวัดผลได้จริง สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ได้ถึง 787.94 ล้านบาท/ปี ภายใน 1 ปีแรก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ เครื่องมือต่างๆ อาจยังมีความไม่ชัดเจนบ้าง แต่ในปีต่อไปจะดีขึ้น และผมเชื่อว่าหากได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ในปีหน้าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นหลัก 1 หมื่นล้านบาท/ปี และลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ในระยะยาว” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2569 ตามที่ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ สสส. ซึ่งเป็นนโยบายการบริหารจัดการตามหลักการตามธรรมาภิบาลขององค์กร โดยในปี 2569 ได้กำหนด 64 ตัวชี้วัดหลัก 4 ตัวขี้วัดร่วม และ 2 วาระกลาง ได้แก่ 1.การขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่เฉพาะ และ 2. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยการดำเนินงานจะเน้นหาจุดคานงัดเชิงยุทธศาสตร์ของทั้ง 15 แผนงาน กำหนดค่าเป้าหมายที่ต้องบรรลุ และวัดผลความก้าวหน้าได้ภายใน 1 ปี
ลุยให้ความรู้การนับคาร์บ อสส.หลักสี่-ดอนเมือง-บางเขน แนะกินยาให้ถูกวิธี
พร้อมกันนี้นายสมศักดิ์ เป็นประธานเปิดงานและบรรยาย “นับคาร์บเป็น ใช้ยาถูกวิธี สุขภาพดี ลดโรค NCDs“ ในเขตบางเขน ดอนเมือง หลักสี่ ณ หอประชุมไปรษณีย์ไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.โดยมี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง นางสาวณัฐณิชา บุรณศิริ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายเเพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภาณุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดร.นพ. สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 1นพ.เอกชัย เพียรศรีวัขรา ผู้ตรวจเขตสุขภาพที่ 7นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การเเพทย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายอาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและปชช.ในพื้นที่ร่วมกิจกรรมกว่า 800 คน ณ หอประชุมไปรษณีย์ไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.
ในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาที่ถูกต้อง การสังเกตยาหมดอายุ รวมถึงนิทรรศการข้าว GI ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย การคำนวณหาปริมาณคาร์โบไฮเดรต (คาร์บ) ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแก่ผู้เข้าร่วมงาน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายที่จะทำให้คนไทยห่างไกล NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด สามารถป้องกันได้และแก้ไขได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงการกินอาหารที่เหมาะสม รู้จักนับคาร์บหรือคาร์โบไฮเดรตจากแป้งและน้ำตาล ที่ผ่านมา อสม. ทั่วประเทศได้สอนให้พี่น้องประชาชนนับคาร์บไปแล้ว 41 ล้านคน สามารถลดจำนวนผู้ป่วยลดการใช้ยาและลดค่าใช้จ่ายในการรักษา สำหรับในพื้นที่กทม. ในเขตบางเขน ดอนเมือง หลักสี่ ต้องขอให้ อสม. เป็นผู้แนะนำประชาชนในพื้นที่ต่อไป และความคืบหน้าเรื่องพรบ.อสม.มีความคืบหนัาที่จะสร้างความมั่นคงให้พี่น้องอสส.และอสม.ทั่วทั้งประเทศแล้ว
ขณะที่นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ร่วมจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคข้าว ข้าว GI ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย และสอน อสส. คำนวณหาปริมาณคาร์โบไฮเดรต (คาร์บ) ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร และนิทรรศการให้ความรู้การใช้ยา ทั้งเรื่องการสังเกตยาหมดอายุ การจัดวางยาในตู้ยาสามัญประจำบ้าน การใช้ยาที่ถูกต้อง เช่น ยาลดน้ำตาลบางชนิด ต้องกินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ทันเวลา ยาลดกรด หรือยาลดไขมันบางชนิด กินหลังอาหารเพื่อลดผลข้างเคียง ยาความดัน หัวใจ ส่วนมากต้องกินตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน เพราะช่วยควบคุมความดันและการทำงานของหัวใจ หรือกรณียาลดน้ำตาล หากลืมกิน อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
“ดังนั้น จึงต้องกินยาตามที่หมอสั่งเสมอ สิ่งสำคัญคือ ไม่ลืมยา ไม่หยุดยาเอง และหมั่นดูแลตัวเองทุกวัน อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เป็นโรค NCDs ได้ด้วยการออกกำลังสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่เหมาะสมกับร่างกาย”นายแพทย์พิเชฐกล่าว