เข็ดจนตาย! คนขับรถขนศพได้กลิ่นเหม็นในรถ บ่น 1 ประโยค กลางดึกเจอเรื่องสุดหลอน
คนขับรถขนศพบ่นกลิ่นเหม็นลอยในรถ ก่อนพูดประโยคนี้ออกมา กลางดึกกลับเจอภาพสุดสยอง เข็ดไปจนตาย
คนเราควรมีจิตใจที่เคารพและเกรงใจอยู่เสมอ แม้แต่กับผู้ล่วงลับก็ต้องให้เกียรติ อย่าพูดจาเหลวไหลหรือไม่เหมาะสม มีคนขับรถขนศพในมาเลเซียรายหนึ่งออกมาเล่าประสบการณ์ว่า ขณะขับรถไปส่งศพ เขาได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงจนหลุดปากพูดไม่ดี คินนั้นเขาได้เจอกับเรื่องราวสุดสยอง ที่ทำให้เขาก็ไม่กล้าพูดจาดูหมิ่นอะไรอีกเลย
คนขับรถขนศพบ่นเหม็นศพกลางทาง พูดจาไม่ยั้งคิดจนเจอเรื่องหลอน
สื่อมาเลเซียรายงานว่า นายราฮิม ชายวัย 35 ปี ประกอบอาชีพขับรถขนศพมานานเกือบ 4 ปี เป็นคนอารมณ์ดี พูดตลกเก่ง แต่ข้อเสียคือมักพูดโดยไม่คิด วันหนึ่งเขาต้องขับรถไปรับศพชายคนหนึ่งจากโรงพยาบาลเพื่อนำกลับไปฝังที่บ้านเกิด
แม้ร่างผู้เสียชีวิตจะผ่านการฉีดยากันเน่าและปิดผนึกไว้อย่างดี แต่ระหว่างขับรถเขากลับได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง จึงเปิดกระจกรถเพื่อรับลม ก่อนจะเผลอบ่นออกมาว่า “ทำไมถึงเหม็นขนาดนี้? ตอนมีชีวิตไม่อาบน้ำหรือไง?”
เพื่อนร่วมงานเตือนอย่าพูดเล่นกับเรื่องแบบนี้ แต่คนขับกลับหัวเราะไม่ใส่ใจ
ขณะนั้น เพื่อนร่วมงานที่นั่งมาด้วยรีบเตือนเขาทันทีว่า “อย่าพูดแบบนี้ เดี๋ยวจะเจอดีเอา” แต่ราฮิมกลับไม่สนใจ ยังหัวเราะพลางตอบว่า “ก็ตายไปแล้ว จะได้ยินอะไรได้ยังไง?”
กระทั่งเมื่อเขาส่งศพถึงที่หมายเรียบร้อย ด้วยความเหนื่อยล้า เขากลับถึงบ้านแล้วยังไม่ได้อาบน้ำก็ทิ้งตัวลงนอนทันที
กลางดึกเจอ “บางสิ่งที่ห่อด้วยผ้าขาว” กระโดดอยู่มุมห้อง
เวลาประมาณตี 4 ราฮิมสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงประหลาด คล้ายกับมีอะไรบางอย่างกระโดดอยู่บนพื้นไม้ พร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่เขาเคยได้กลิ่นในรถเมื่อช่วงกลางวัน จากนั้นเขาก็เห็นบางสิ่งที่ถูกห่อด้วยผ้าขาว กำลังกระโดดอยู่ที่มุมห้องอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาตกใจสุดขีด รีบมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วสวดมนต์ภาวนาไม่หยุดจนถึงเช้า
ตื่นเช้ามา ร่างกายเปียกโชก เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบคล้ายโคลน
เมื่อเขาตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองเปียกโชกไปทั้งตัว เสื้อผ้าก็เลอะคล้ายเปื้อนโคลน เขาไม่กล้าคิดต่อหรือหาคำอธิบายใด ๆ นับแต่นั้นมา ราฮิมไม่กล้าพูดจาดูหมิ่นผู้ล่วงลับอีกเลย แม้ตอนนี้เขายังคงทำงานขับรถขนศพอยู่ แต่ทุกครั้งที่อยู่ในรถเพียงลำพัง ก็มักรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นของศพลอยคลุ้งอยู่เสมอ ทั้งที่ไม่ได้ขนศพเลยด้วยซ้ำ
เขาเชื่อว่านี่คือผลจากคำพูดไม่ยั้งคิดของตน จึงได้แต่สวดภาวนา ขอให้วิญญาณที่เขาล่วงเกินให้อภัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขา