‘ศุภณัฐ’ ร่าย 8 ปัญหางบก่อสร้างก่อนชงตัดงบภาพรวม 1%
'ศุภณัฐ' ขอปรับลดงบฯ ภาพรวม 1% เพื่อรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง เหตุ ในงบก่อสร้าง 3.2 แสนล้านบาท พบปัญหาอื้อ
13 ส.ค.2568 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างไม่ดีมาก ไทยวิกฤตทั้งภาษีทรัมป์ ปัญหาชายแดน การสวมสิทธิ์ จำนวนเจ้าหน้าที่ยังไม่ฟื้นตัว อุตสาหกรรมเก่ายังฟื้นตัวไม่ได้ ปัญหาการผลิตมากเกินไปในภาคอสังหาริมทรัพย์ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และภาพรวมในการจัดงบประมาณปี 2569 ยังไร้ประสิทธิภาพเหมือนเดิม
ในห้องคณะอนุกรรมธิการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ของ พ.ร.บ.งบฯ มีการของบประมาณด้านการก่อสร้างประมาณ 320,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 57 % เป็นงบฯ ที่ใช้สร้างถนนอุโมงค์สะพานท่าเรือและสนามบิน คิดเป็นงบฯ 180,000 ล้านบาท ส่วน 30 % งบฯ สร้างเขื่อน ชลประทาน ทรัพยากร และการเกษตร คิดเป็นงบฯ 100,000 ล้านบาท ส่วนอีก 13 % งบฯ สร้างอาคารบ้านพัก พิพิธภัณฑ์ และโรงพยาบาล คิดเป็น 40,000 ล้านบาท ซึ่งงบฯ การก่อสร้างยังไม่ได้มีเท่านี้ยังแทรกซึมอยู่ในคณะอนุฯ อื่น ๆ อีก ใช้งบฯ ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมา การของบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างยังคงมีปัญหาไม่ต่างจากเดิม และไม่มีการแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งได้สรุป 8 ปัญหา เบื้องต้น ทั้งการของบฯ ก่อสร้างที่ไม่ควรขอ เช่น การของบสร้างบ้านพัก ผบ.ตร. 91 ล้านบาท ซึ่งตั้งใจจะสร้างเป็นศูนย์กลางบัญชาการ แต่ในแบบก็เป็นแบบบ้านพักธรรมดาและมีห้องจัดเลี้ยง หรือการของบฯ สร้าง Data Center ซึ่งมีหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกรมฝนหลวงที่ขออนุมัติงบฯ สร้างไว้ใน 3 จังหวัด ที่บุรีรัมย์และเพชรบุรี 500 ล้านบาท ส่วนที่จังหวัดพะเยา 300 ล้านบาท ที่ผ่านมารัฐบาลได้รณรงค์ให้มีการใช้ Cloud กลาง เชิญต่างชาติมาลงทุนแต่หน่วยงานรัฐกลับสร้าง Data Center ต่อ 1 หน่วยงานเต็มไปหมด
ขณะที่ การของบฯ สร้างพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทั้งประเทศมีพิพิธภัณฑ์ถึง 1,500 แห่ง แต่ยังมีการสร้างกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า 3,800 ล้านบาท การสร้างพิพิธภัณฑ์ฝนหลวง 450 ล้านบาท บางกรมถึงขั้นได้งบทำสำนักงานใหม่ย้ายสำนักงานแล้วแต่กลับไม่ส่งคืนที่เก่า และนำพื้นที่นั้นไปสร้างเป็น Hall of Fame เพื่ออวดผลงานของตัวเอง
ปัญหาที่ 2 การก่อสร้างที่ขอขนาดใหญ่เกินความจำเป็นทั้งที่สำนักงบมีระเบียบเรื่องของระเบียบอาคารให้เท่ากับจำนวนพนักงานเรียบร้อยแล้วแต่กลับไม่มีใครนำไปใช้ออกแบบตึกใหญ่เกินมาตรฐานเพื่อจะได้ของบกันเยอะ ๆ เช่นตึกกระทรวงคมนาคมมูลค่า 3,832 ล้านบาท ซึ่งเหมาะกับเจ้าหน้าที่ประมาณ 3,000 คน แต่นำไปใช้จริงแค่ 1,000 คน และมีที่จอดรถ 1,000 คัน ถือเป็นการผลาญงบประมาณที่สิ้นเปลืองที่มากกว่า 2,00 ล้านบาทไปแบบฟรี ๆ
ปัญหาที่ 3 ราคาต่อหน่วยแพงเกินจริง อย่างสำนักงาน กพ.ถูกตัดงบไป 40 % แล้วค่าตกแต่งตกตารางเมตรละ 58,000 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาตลาดที่คิด 20,000 บาท ต่อตร.ม. ส่วนโรงพยาบาลราชทัณฑ์ถูกตัดลดไป 47 % เพราะค่าตกแต่งภายใน ตกเมตรละ 100,000 บาท แพงกว่าราคาตลาดทั่วไปหลายเท่า ของบางอย่างสเปคเหมือนกันแต่ราคาต่างกัน เพราะสำนักงบฯ ไม่มีการสแกน BOQ ว่าใครขออะไรอย่างไรเท่าไหร่ ทำให้คณะอนุฯ ต้องอ่าน BOQ หลาย 10,000 หน้า เพื่อตรวจสอบว่าใครยัดไส้อะไรเข้ามาบ้าง
ปัญหาที่ 4 การไม่บูรณาการและวางแผนใช้สอยอาคารร่วมกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมหนึ่งกรมหนึ่งตึก ทั้งที่อยู่จังหวัดเดียวกันก็ต้องสร้างแยกกันเพราะอยากมีตึกเป็นของตัวเองไม่อยากใช้กับคนอื่น ที่สำคัญศูนย์ราชการจังหวัดก็ไม่เคยสอบถามว่ามีพื้นที่ว่างหรือไม่ ขอตั้งธงไว้ก่อนว่าจะสร้างตึกของตัวเองแยกออกมา แม้แต่ภายในกองทัพก็ไม่คิดจะแชร์อาคารร่วมกัน
ปัญหาที่ 5 นางชอบสร้างไม่ชอบเช่าเพราะอยากมีเอี่ยวในการจัดจัดซื้อจัดจ้าง หลายหน่วยงานร้อนรนไม่สามารถเช่าออฟฟิศอยู่ได้ ต้องหาพื้นที่สร้างออฟฟิศเป็นของตัวเอง และชอบอ้างว่าค่าเช่าแพง แต่หากเทียบกับค่าลงทุนเช่าอาคาร 20 ปียังถูกกว่าสร้างเอง เช่น การสร้างบ้านพักข้าราชการในเมืองไม่จำเป็นต้องสร้างแล้วเพราะมีบ้านและคอนโดปล่อยเช่าเต็มไปหมด สร้างก็แพงกว่าแบบก็โบราณ และยังไม่ดูแล สุดท้ายก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่อยู่ตามยถากรรม ควรลงทุนให้กับข้าราชการ และปล่อยให้ออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก การให้เงินอุดหนุนข้าราชการไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกจะเป็นการกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน
ปัญหาที่ 6 อยากเป็น Operator สร้างแข่งกับเอกชน หน่วยงานควรใช้กลไกของภาครัฐในการสนับสนุนเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้นไม่ใช่ทำหน้าที่แข่งกับเอกชนเอง เช่น อาคารสำนักงานและจัดนิทรรศการของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมมูลค่า 873 ล้านบาท สร้างไว้เพื่อซ้อมดนตรีกับจัดนิทรรศการ แทนที่จะไปร่วมมือกับมหาลัยเพื่อขอใช้พื้นที่ในตารางเมตรที่ถูกกว่า กลับใช้ที่ดินใจกลางรัชดาที่มีราคาสูงสร้างสำนักงานเป็นของตัวเอง
ปัญหาที่ 7 การใช้ที่ดินสิ้นเปลือง และโครงการเป็นแบบสร้างมาตรฐานขนาดเท่ากัน แต่ใช้ที่ดินต่างกัน
ปัญหาที่ 8 การจัดงบแบบผิดฝาผิดตัว เช่นกระทรวงกลาโหม ควรโฟกัสที่ภารกิจหลัก แต่ก็ไปแย่งงานจากหน่วยงานอื่น เช่น การสร้างโรงพยาบาลแข่งกับกระทรวงสาธารณสุข การทำน้ำประปาแข่งกับกระทรวงมหาดไทย การบริหารบ่อน้ำมันแข่งกับกระทรวงพลังงาน และยังมีโรงแรม มีสนามกอล์ฟ มีศาลทหาร เป็นของตัวเอง
ดังนั้น จากปัญหาเหล่านี้ การตั้งงบของรัฐบาล ที่ไร้ประสิทธิภาพ และไม่เคยแก้ไขได้เลย แม้แต่ปีเดียว จึงขอเสนอปรับลด 1% ในภาพรวมเพื่อรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง