โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สิ่งแวดล้อมก็ตกเป็นเหยื่อสงคราม แค่ยูเครน-รัสเซีย ธรรมชาติวอดวายเกือบ 6 หมื่นล้านเหรียญ

ไทยพับลิก้า

อัพเดต 2 สิงหาคม 2568 เวลา 1.04 น. • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สุนิสา กาญจนกุล รายงาน

สงครามยูเครนก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมูลค่ารวม 5.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากไฟไหม้ป่าในยูเครนเพิ่มขึ้น 118 % เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายปีก่อนสงคราม ที่มาภาพ: https://www.euronews.com/2022/10/09/war-has-inflicted-36bn-damage-on-ukraines-environment-minister

เมื่อเรานึกถึงสงคราม สิ่งที่ปรากฏในความคิดอย่างชัดเจนมักจะเป็นภาพการสูญเสียชีวิตของมนุษย์และซากหักพังของเมือง แต่เบื้องหลังภาพน่าสลดใจเหล่านั้น ยังมีเหยื่ออีกรายหนึ่งที่ต้องทุกข์ทรมานด้วยเช่นกันและมักจะถูกมองข้ามไป เหยื่อรายนั้นคือ “สิ่งแวดล้อม” ซึ่งไม่มีปากเสียงจะร้องขอความเห็นใจจากใคร

ขณะที่มนุษย์ทุกข์ทนจากผลของสงคราม ธรรมชาติก็วอดวายไปด้วย สัตว์ป่าล้มตาย ต้นไม้ถูกโค่นล้ม ก๊าซเรือนกระจกถูกปล่อยสู่บรรยากาศ แม้สงครามจะยุติลง ผลร้ายที่เกิดขึ้นก็ยังคงอยู่ สงครามสามปีอาจทำร้ายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปอีกหลายทศวรรษ

สงครามไม่ได้ทิ้งไว้เพียงบาดแผลทางกายและจิตใจให้ผู้คน แต่ยังฝากแผลลึกให้กับธรรมชาติอีกด้วย ผลกระทบของสงครามต่อสิ่งแวดล้อมนั้นซับซ้อนและแผ่ขยายเป็นวงกว้าง มีหลากหลายมิติ ทั้งผลกระทบทางตรงที่มองเห็นได้ทันที และผลกระทบทางอ้อมที่ค่อยๆ กัดกร่อนโลกของเราไปอย่างช้าๆ ทั้งในปัจจุบันและส่งต่อไปยังอนาคตอีกหลายชั่วอายุคน

ข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2023 มีความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธมากกว่า 170 ครั้งทั่วทั้งโลก ภาคการทหารปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 5.5% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมด

ขณะที่ผลการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่า เฉพาะสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่าถึง 5.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

ผลกระทบทางตรง: บาดแผลที่เห็นชัด

ผลกระทบทางตรงจากสงครามต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจากปฏิบัติการทางทหาร เกิดขึ้นจากการทำลายล้างโดยตรงระหว่างการรบ เป็นเสมือนการสร้างบาดแผลภายนอกให้กับโลกโดยตรง

การทำลายโครงสร้างพื้นฐานส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น ตะกั่ว ปรอท และสารหนู ซึ่งสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์

ภูมิทัศน์และระบบนิเวศถูกทำลายล้างเพราะการทิ้งระเบิด การขุดสนามเพลาะ การเคลื่อนที่ของยานพาหนะขนาดใหญ่ของกองทัพ ทำให้หน้าดินถูกทำลายล้างอย่างรุนแรง ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ถูกทำลายถางและเผาไหม้ บริเวณที่เคยเป็นแหล่งพักพิงของสัตว์นานาชนิดถูกทำให้ปนเปื้อนหรือเสียหาย

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากสารเคมี สงครามจะปลดปล่อยสารพิษจำนวนมหาศาลสู่สิ่งแวดล้อม ซากรถถัง เครื่องบิน และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกทำลายจะปลดปล่อยโลหะหนักและสารเคมีอันตรายลงสู่ดินและน้ำ การระเบิดของอาวุธจะทิ้งสารประกอบที่เป็นพิษไว้ในพื้นที่

การใช้อาวุธพิเศษที่มีส่วนประกอบของยูเรเนียมเสื่อมสภาพ (Depleted Uranium – DU) ในสงคราม ยังก่อให้เกิดฝุ่นกัมมันตรังสีขนาดเล็กที่แพร่กระจายไปในอากาศ ดิน และน้ำ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ในระยะยาว

ในสงครามเวียดนาม มีการใช้สารเคมีชื่อ Agent Orange ปริมาณมาก ทำให้ใบไม้ร่วงและทำลายพืชพรรณนานาชนิด ส่งผลให้ป่าถูกทำลาย ดินและแหล่งน้ำปนเปื้อนสารไดออกซินซึ่งเป็นพิษร้ายแรงและยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้คนและระบบนิเวศมาจนถึงปัจจุบัน

แต่สิ่งที่เป็นหายนะทางสิ่งแวดล้อมโดยแท้จริง คือการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรม เช่น โรงงานเคมีหรือคลังน้ำมัน ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 ที่มีการเผาบ่อน้ำมันในคูเวตมากกว่า 600 บ่อ ทำให้กลุ่มควันพิษปกคลุมท้องฟ้านานหลายเดือน ส่งผลให้เกิดฝนกรดและมลพิษทางอากาศอย่างรุนแรง น้ำมันดิบหลายล้านบาร์เรลรั่วไหลลงสู่อ่าวเปอร์เซีย สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเลอย่างประเมินค่าไม่ได้

กรณีศึกษาที่ชัดเจนคือสงครามในยูเครน ซึ่งการศึกษาล่าสุดระบุว่าสงครามครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมูลค่ารวม 5.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากไฟไหม้ป่าในยูเครนเพิ่มขึ้น 118 % เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายปีก่อนสงคราม

ผลกระทบทางอ้อม: ความบอบช้ำที่ซ่อนเร้น

นอกจากผลกระทบทางตรงที่เห็นชัด สงครามยังก่อผลกระทบทางอ้อมอีกหลายประการ เป็นเสมือนความบอบช้ำที่มองไม่เห็นจากภายนอก แต่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพโดยรวมของสิ่งแวดล้อม

การสูญเสียที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินเพราะสงครามทำให้พฤติกรรมของประชากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างและหลังสงครามเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่งผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืนในพื้นที่ลี้ภัย มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อหาเชื้อเพลิงและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงลักลอบล่าสัตว์ป่าเพื่อเป็นอาหารในช่วงขาดแคลน

การเสื่อมโทรมของดินเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ที่ดินส่วนใหญ่มักได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะ และสารพิษต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมาซึมลงสู่ผืนดิน ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์และความปลอดภัยของการผลิตทางการเกษตร

ในแง่ของความหลากหลายทางชีวภาพนั้น สงครามส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ การระเบิดและการใช้อาวุธเคมีทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ส่งผลให้ประชากรพืชและสัตว์ลดลงและสูญเสียความหลากหลายของสายพันธุ์

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมทางทหารเป็นหนึ่งในผลกระทบที่สำคัญที่สุด ศูนย์เฝ้าระวังความขัดแย้งและสิ่งแวดล้อม (Conflict and Environment Observatory – CEOBS) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหราชอาณาจักร ประเมินว่า ภาคการทหารทั่วโลกมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกราว 5.5%

ถ้าหากถือว่า “กองทัพ” คือประเทศหนึ่ง ภาคการทหารจะเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย

ในกรณีของสงครามยูเครน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมจากการทำสงครามระยะเวลา 3 ปี มีปริมาณราว 175 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าการประเมินเมื่อ 18 เดือนแรก ซึ่งอยู่ที่ 150 ล้านตัน การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน การสู้รบ และไฟไหม้ป่า

เสียหายตั้งแต่ยังไม่รบ จบแล้วก็ยังมีผล

ในความเป็นจริงนั้น สงครามส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ยังไม่มีการสู้รบ การสร้างฐานทัพและบำรุงรักษากำลังทหารต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ทั้งโลหะทั่วไป ธาตุหายาก และแร่ธาตุสำคัญ น้ำ และพลังงาน

การฝึกฝนกำลังทหารก็ต้องใช้ทรัพยากรเช่นกัน ยานพาหนะ อากาศยาน เรือ อาคาร และโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ต้องใช้พลังงานมหาศาล และส่วนใหญ่เป็นพลังงานฟอสซิล การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของกองทัพขนาดใหญ่อาจสูงกว่าประเทศเล็กหลายประเทศรวมกัน

นอกจากนั้น การฝึกทหารก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษ ทำลายภูมิทัศน์ ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งบนบกและในทะเล และยังก่อให้เกิดมลพิษทางเคมีและเสียงจากการใช้อาวุธ เครื่องบิน และยานพาหนะต่างๆ

กองทัพยังต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งบนบกและในทะเล ไม่ว่าจะเพื่อสร้างฐานทัพและสิ่งอำนวยความสะดวก หรือเพื่อการทดสอบและการฝึกอบรม

มีการประเมินว่าพื้นที่ทางการทหารครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1-6 % ของพื้นผิวโลก ในหลายกรณี พื้นที่เหล่านี้มีความสำคัญทางนิเวศวิทยา แต่ก็มีผู้แย้งว่า ในบางครั้ง การห้ามไม่ให้พัฒนาพื้นที่ทางการทหารหลายแห่งอาจเป็นประโยชน์ต่อความหลากหลายทางชีวภาพเช่นกัน

แม้สงครามจะจบลง แต่ผลกระทบของสงครามต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้สิ้นสุดลงด้วย พื้นที่ต่างๆ จะยังคงได้รับผลกระทบจากมลพิษและการปนเปื้อนอีกเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ทุ่นระเบิดที่ถูกฝังไว้แต่ไม่ระเบิดหรือทุ่นระเบิดที่ถูกน้ำพัดพามาขึ้นฝั่งยังคงเป็นภัยต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

การฟื้นฟูระบบนิเวศที่ได้รับความเสียหายต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล ในหลายกรณี การฟื้นฟูไม่อาจช่วยให้ระบบนิเวศกลับคืนสภาพเดิมได้ เนื่องจากการสูญเสียสายพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบนิเวศอย่างถาวร

ถึงแม้สงครามและความขัดแย้งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ แต่ผลกระทบเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับบทบาทที่จำเป็นของกองทัพในการปกป้องความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้

ทางออกที่พอจะทำได้คงต้องเริ่มจากการป้องกันความขัดแย้งและส่งเสริมสันติภาพ การพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นในการคุมครองสิ่งแวดล้อมในช่วงสงครามก็เป็นสิ่งจำเป็น

ควบคู่ไปกับการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการทหารที่ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ รวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความมั่นคงและการรักษาสิ่งแวดล้อม แสวงหาแนวทางที่จะทำให้ทั้งสองอย่างนี้สามารถดำเนินควบคู่กันไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตลอดจนเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังสงคราม ซึ่งรวมถึงการประเมินความเสียหาย การจัดหาทุนทรัพย์ และการพัฒนาแผนการฟื้นฟูที่ยั่งยืนและครอบคลุม

ในความเป็นจริงนั้น ภาคการทหารเองก็ตระหนักถึงผลกระทบที่สงครามมีต่อสิ่งแวดล้อม หลายกองทัพเริ่มมีการนำแนวคิด “กองทัพสีเขียว” (Green Military) มาใช้ เช่น การลดคาร์บอน การจัดการของเสียอย่างยั่งยืน และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนปฏิบัติการทางทหาร

ท้ายที่สุดแล้ว การผสมผสานแนวทางด้านความมั่นคงและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากมีความซับซ้อนและต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะพบวิธีการที่เหมาะสมในการรักษาทั้งความมั่นคงของรัฐและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลกในระยะยาว

อ้างอิง

https://www.un.org/en/peace-and-security/how-conflict-impacts-our-environment#:~:text=While%20the%20human%20cost%20of,planet%20for%20generations%20to%20come.

https://ceobs.org/how-does-war-damage-the-environment/#:~:text=Weapons%20and%20military%20materiel%20used,metals%20and%20toxic%20energetic%20materials.

https://joint-research-centre.ec.europa.eu/jrc-news-and-updates/war-worsens-climate-and-environmental-challenges-ukraine-2025-04-11_en

https://www.frontiersin.org/journals/environmental-science/articles/10.3389/fenvs.2025.1539520/full

https://www.europarl.europa.eu/doceo/document/E-9-2024-000803_EN.html

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยพับลิก้า

ศาลนัดชี้ขาดคดีชั้น 14 “ไม่ป่วยวิกฤติ-ขัด ป.วิอาญาฯ” 9 ก.ย.นี้

22 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GCNT เปิดงาน GCNT Expo 2025 รวมพลังตัวจริงสายยั่งยืน เปลี่ยนผ่านไทยด้วย 7 Ts เร่งเดินหน้า SDGs 2030

1 วันที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วธ.ปล่อยขบวนรถศาสนิกสัมพันธ์ร่วมใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยและชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าวไทย Online

รพ.ตำรวจลงพื้นที่แนวชายแดนมอบขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่– ส่งทีมแพทย์ POLICE MERT ดูแลประชาชน

สยามรัฐ
วิดีโอ

จ่าปืน วีรบุรุษชายแดนใต้ แม้เสียขาทั้งสองข้าง แต่หัวใจยังเต็มร้อยเพื่อครอบครัว

สยามนิวส์

จอนนี่ มือปราบ พบ บิ๊กเต่า หอบพานพวงมาลัยไหว้ขอความเห็นใจ ปมรีสอร์ตเมียบุกรุกพื้นที่

มุมข่าว

ศบ.ทก. แถลงผลนำคณะทูตลงพื้นที่ ‘เห็นใจ’ ฝ่ายไทย เห็นความโหดร้ายจากการโจมตีของกัมพูชา เชื่อผลตอบรับเป็นบวก

THE STANDARD

เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก “ฮุนเซน” กับสตรีอันดับหนึ่ง ‘บุน รานี’-2หญิงสาวใต้เงาที่ชีวิตพลิกผัน

เดลินิวส์

รถบรรทุกจอดเสีย! ซอยจตุโชติ 21 กระทบขึ้นไปบนทางพิเศษฉลองรัช

สวพ.FM91

ภาษีทรัมป์ 19% ในศึกเขมร Vs ดีลลับกับราคาที่ไทยต้องจ่าย?

INN News

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...