กองทัพบกนำคณะทูต–สื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ ตรวจผลกระทบจากการโจมตีของกัมพูชา
วันนี้ 1 สิงหาคม 2568 กองทัพบกได้จัดคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์และตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงในเขตพลเรือน โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวดและปืนใหญ่โจมตีเข้าเป้าหมายพลเรือน อันเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน
คณะเดินทางประกอบด้วย เอกอัครราชทูตจาก 11 ประเทศ คณะทูตทหารจาก 22 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย, เมียนมา, ญี่ปุ่น, บรูไน, ลาว, อินโดนีเซีย, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, จีน, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ ขณะที่ทูตทหาร ได้แก่ สวีเดน, สาธารณรัฐประชาชนจีน, มาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา, ปากีสถาน, รัสเซีย, ลาว, แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, บรูไน, อินโดนีเซีย, เยเมน, สิงคโปร์, อินเดีย, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ
รวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศ สื่อไทย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยมีผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพไทย ร่วมเดินทางและให้ข้อมูล
กองทัพบกและคณะทูต นำโดย
พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก
พลอากาศโท ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
พลตรี นฤดล สุขมา เจ้ากรมจเรทหารบก
พลตรี ประเสริฐ หมวดเชียงคะ ผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์
ช่วงเช้าคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 ดอนเมือง ไปยังกองบิน 21 จ. อุบลราชธานี ก่อนเข้าสู่พื้นที่มณฑลทหารบกที่ 22 (ค่ายสรรพสิทธิประสงค์) อ. วารินชำราบ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ภาพรวม และการปฏิบัติงานของฝ่ายไทยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์
ตรวจจุดโจมตี–สำรวจผลกระทบในพื้นที่จริง
ภายหลังการรับฟังข้อมูล คณะได้ลงพื้นที่สำรวจจุดที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชา ได้แก่
ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ต. หนองหญ้าลาด อ. กันทรลักษ์ ถูกยิงด้วยเครื่องยิงจรวด BM-21 มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 10 ราย โดยอาคารร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต. เสาธงชัย ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิด เป็นการโจมตีที่ลุกลามเข้าสู่เขตการศึกษา
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลซำเม็ง ได้รับความเสียหายจากการยิงด้วยปืนใหญ่ จนต้องอพยพเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัย ปัจจุบันไม่สามารถให้บริการได้
ศูนย์พักพิงชั่วคราว อ. กันทรลักษ์ คณะเดินทางได้เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ต้องอพยพจากพื้นที่ชายแดนมาอยู่ในศูนย์พักพิง เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปลอดภัย
ตอกย้ำความจำเป็นในการเปิดเผยความจริงต่อประชาคมโลก
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้แทนจากต่างประเทศและสื่อมวลชนได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงกับประชาชนไทยในพื้นที่แนวชายแดน และรับทราบพฤติกรรมที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังเป็นการตอกย้ำถึงความโปร่งใสของประเทศไทยในการรับมือกับสถานการณ์อย่างมีวุฒิภาวะทางการทูต และขอความร่วมมือจากประชาคมโลกให้ร่วมกันผลักดันให้ทุกฝ่ายเคารพข้อตกลงหยุดยิงและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด