โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ผัก 7 ชนิด อย่ากินดิบ เสี่ยงเป็นพิษต่อร่างกาย

เดลินิวส์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
ผักบางชนิดไม่ควรถูกนำมารับประทานแบบดิบๆ ในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากอาจให้โทษมากกว่าประโยชน์ เพราะมีสารบางอย่างที่เสี่ยงเป็นพิษต่อร่างกาย

ผักเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย แต่การนำมารับประทานแบบสดๆ อาจไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราได้เสมอไป “โรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ” บอกเล่าสาระน่ารู้และคำเตือนเกี่ยวกับการรับประทานผักดิบว่า มีผักบางชนิดที่ไม่ควรกินดิบๆ ในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากอาจให้โทษมากกว่าประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยบางโรค หรือเด็กคนชรา และหญิงตั้งครรภ์ เพราะร่างกายจะมีกลไกกำจัดสารพิษได้น้อยกว่า จึงต้องระวังเป็นพิเศษ

ผักอะไรบ้างที่ห้ามกินแบบดิบ

1.กะหล่ำปลี ในกะหล่ำปลีจะไปจับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมากๆ ก็เสี่ยงต่อโรคนิ่วในไตได้ และในกะหล่ำปลีมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนะไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้องได้ แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก น้ำตาลที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นโมเลกุลเป็นสารที่ย่อยได้ง่าย

นอกจากนี้ ในกะหล่ำปีดิบยังมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) สารที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายดึงไอโอดีนจากเลือดไปใช้งานได้น้อยกว่าปกติ จนอาจก่อให้เกิดโรคคอหอยพอกได้ ดังนั้นผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์ไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบ แต่สารกอยโตรเจนจะสลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน ดังนั้นควรบริโภคกะหล่ำปลีแบบสุกจะดีกว่า

2.บล็อกโคลี่ เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลี มีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งสามารถยับยั้งไม่ให้ร่างกายใช้ไอโอดีนได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีฮอร์โมนบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดโรคไทรอยด์ได้อีก และการกินบล็อกโคลี่ดิบจะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

3.ดอกกะหล่ำ เป็นพืชชนิดหัวอีกหนึ่งชนิด เช่นเดียวกับบล็อกโคลี่ ควรนำมาปรุงสุกก่อนกิน เพราะดอกกะหล่ำยังมีน้ำตาลเดียวกับกะหล่ำปลีและบล็อกโคลี ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง

4.ถั่วฝักยาว เป็นพืชที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงสูง ดังนั้นหากกินแบบดิบๆ ที่มีการปนเปื้อนของสารพิษเข้าไป จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้ ดังนั้น หากชอบกิบแบบดิบๆ ควรล้างน้ำให้สะอาดโดยหักเป็นท่อนๆ และนำไปแช่น้ำนานๆ หรือเลือกกินแบบสุกจะปลอดภัยกว่า

5.ถั่วงอก มักจะมีการปนเปื้อนของแบคทีเรียซัลโมเนลลา และอีโคไล อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้ามีการใช้สารโซเดียมซัลไฟต์ฟอกถั่วงอกให้มีสีขาว และเป็นสารที่รักษาความสดของถั่วงอกให้เก็บไว้ได้นาน ซึ่งหากผู้บริโภคมีอาการแพ้สารเหล่านี้ หรือกินถั่วงอกดิบในปริมาณที่มาก ก็อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หายใจขัด ความดันต่ำ และปวดท้องได้ แต่หากนำถั่วงอกไปปรุงสุก ก็จะช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรีย และสารฟอกขาวได้

6.หน่อไม้ ในหน่อไม้สดมี Cyanogenic glycoside ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ที่มีพิษต่อร่างกาย และหากร่างกายได้รับสารนี้ในปริมาณที่มาก Cyanogenic glycoside จะเข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน ทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน ทุรนทุราย หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นควรต้มน้ำไม้ประมาณ 10 นาทีก่อนกิน เพราะการปรุงสุกด้วยความร้อนจะช่วยสลาย Cyanogenic glycoside ได้

7.ผักโขม มีกรดออกซาลิก (Oxalic) เป็นตัวขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียมไปใช้ได้ ดังนั้นคนขาดธาตุเหล็กหรือแคลเซียมจึงไม่ควรกินผักโขมแบบดิบๆ แต่กรดออกซาลิกสามารถหมดฤทธิ์ได้เมื่อเจอความร้อน ดังนั้นควรนำผักโขมมาปรุงสุกก่อนกิน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

ก่อนเพิกถอน “เขากระโดง”

27 นาทีที่แล้ว

“หลวงปู่ศิลา” เมตตามอบเงินให้ แม่ทัพภาคที่ 2 ใช้ในภารกิจทางทหาร

33 นาทีที่แล้ว

ผู้นำปาเลสไตน์ลั่นต้องมีบทบาทในกาซา จวกแผน “ยึดครอง” ของอิสราเอล

39 นาทีที่แล้ว

บุกรวบแก๊งตัดไม้เถื่อน! ยึดไม้-รถบรรทุก พบยาเสพติดในรถ เร่งล่าอีก 2 คน

47 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

เดลินิวส์ 10 ส.ค. ประจานเขมรโกหกโลก ฝังบึ้ม-ทิ้งจรวดอื้อ ทหารเหยียบกับระเบิด

เดลินิวส์

รวบ “ปุ๊ โกสัมพี” หัวหน้าแก๊งเด็กแว้น ยิงดับวัยรุ่นต่างถิ่นท้านัดปิดถนนแข่ง!

เดลินิวส์

บุกจับหนุ่มเชียงใหม่คาบ้าน ดัดแปลงเลื่อยยนต์ขายออนไลน์ อาวุธปืนอื้อ!

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม