อียูเจรจากับสหรัฐ ลดภาษีรถยนต์เหลือ 15% สำเร็จ แต่วืดยกเว้นภาษีไวน์
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) บรรลุข้อตกลงกรอบความร่วมมือในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของอียู ต้องเสียภาษีให้กับสหรัฐในอัตรา 15%
ทว่าหลายประเด็นยังคงไม่ชัดเจน เนื่องจากอียูพยายามหาข้อยกเว้นสำหรับบางภาคส่วน ขณะที่ทรัมป์ข่มขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าอื่น ๆ
ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมฉบับล่าสุดทำให้เกิดความชัดเจนเพิ่มขึ้น แม้การเจรจายังไม่สิ้นสุด และมีความคืบหน้าบางส่วน โดยอียูระบุว่า อัตราภาษีสูงสุด 15% แบบครอบคลุมทั้งหมด จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของยุโรป ซึ่งรวมถึงรถยนต์ ยา เซมิคอนดักเตอร์ และไม้แปรรูป
“นี่คือข้อตกลงการค้าที่เอื้อประโยชน์สูงสุด ที่สหรัฐบรรลุกับพันธมิตรใด ๆ” นายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการการค้าของอียู กล่าวกับนักข่าวในกรุงบรัสเซลส์ พร้อมกับอธิบายว่า ภาษีส่วนนี้จะไม่รวมกับภาษีที่มีอยู่แล้ว
แม้อัตราภาษีนำเข้า 15% จะมีผลกับไวน์และสุราด้วย แต่ฝรั่งเศส อิตาลี และประเทศผู้ผลิตไวน์อื่น ๆ ผลักดันให้สินค้าประเภทนี้ได้รับการยกเว้นภาษีเป็น 0%
“น่าเสียดายที่เราไม่ประสบความสำเร็จ” เซฟโควิช กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาจะดำเนินต่อไป แต่อียูไม่ต้องการให้ “คำมั่นสัญญาที่ไม่น่าจะทำให้เป็นจริงได้”
ด้านฟอน แดร์ เลเยน ยืนยันว่า การเจรจายังไม่สิ้นสุด และอียูมีส่วนร่วมกับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อตกลงลดภาษีเพิ่มเติม ค้นหาพื้นที่ความร่วมมือเพิ่มเติม และสร้างศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม.
เครดิตภาพ : AFP