10 สินค้าเสี่ยงกระทบหนัก! สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษี 19% ไทยเสียเปรียบแค่ไหน ใครคือคู่แข่งตัวจริง?
นับตั้งแต่วันนี้ 8 สิงหาคม 2568 นี้เป็นต้นไป ต้องจับตาเศรษฐกิจไทยที่อาจเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เริ่มนับ 1 จากผลกระทบจากภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ
เวลาอันยาวนานกว่า 5 เดือน เริ่มจากวันปลดแอกสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์พุ่งเป้าไปยังประเทศคู่ค้า ที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า
ไทยเป็น 1 ในประเทศที่ติดอันดับท็อป 10 ประเทศที่เกินดุล จึงโดนเรียกเก็บอัตราภาษีในระดับ 36 % กระทั่ง “ทีมไทยแลนด์” เจรจาปิดดีลได้สำเร็จเหลือที่ 19%
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำคัญ ที่ไทยเราต้องติดตามต่อคือ ทรัมป์ได้ย้ำชัดเจนว่า กรณีพบว่าประเทศใดกลายเป็นแหล่งสวมสิทธิ์ (Transshipment) ถ่ายโอนสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสูงถึง 40%
หากดูสมรภูมิการแข่งขัน กลุ่มชาติอาเซียน ไทยโดนอัตราภาษี 19 % เท่ากับ กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ นับว่าต่ำกว่าเวียดนาม คู่แข่งรายสำคัญ ซึ่งถูกเรียกเก็บภาษีที่ 20%
ทั้งนี้ ไทยควรเดินหน้า 6 มาตรการ อาทิ ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ, เสริมสร้างกฎแหล่งกำเนิดสินค้า, กระจายตลาดส่งออก, ดึงดูด FDI มูลค่าสูง, ส่งเสริมอุปสงค์ภายในประเทศ, และดำเนินการทูตเพื่อการค้าในเชิงรุก
เพื่อลดผลกระทบในปี 2569 ที่อาจรุนแรงมากขึ้นเป็น -1.48% ของ GDP หากมาตรการภาษีที่เข้มงวดไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น หรือมีการเพิ่มความเข้มงวดกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS
THE STANDARD WEALTH ชวนวิเคราะห์ข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบ เมื่อเทียบคู่แข่ง และเช็กลิสต์ 10 สินค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรง ซึ่งอาจทำให้การส่งออกปีนี้ 2568 หดตัว 114,000 ล้านบาท แต่อาจเป็นโอกาสใหม่ให้กับสินค้าบางรายการพร้อมสรุปประเด็นที่ต้องติดตามต่อ
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร