'เลี่ยงภาษี' หรือ 'วางแผนภาษี' เรื่องที่ควรรู้ก่อนสรรพากรมาถึง
ในช่วงที่ผ่านมาเรามักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการ"เลี่ยงภาษี"ของผู้ที่มีรายได้สูง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่กรมสรรพากรเริ่มมีมาตรการควบคุมและตรวจสอบภาษีอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้มีรายได้จำนวนไม่น้อยถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
บางรายอาจไม่รู้ตัวว่าได้กระทำผิดกฎหมาย ขณะที่บางรายก็มีเจตนาหลีกเลี่ยงโดยตรง
จากการตรวจสอบของ กรมสรรพากร พบพฤติกรรมและความผิดปกติด้านรายได้ในหลากหลายกรณี ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสามารถรวบรวมรูปแบบและวิธีการที่มักถูกใช้โดยผู้มีรายได้สูงหรือธุรกิจที่มีรายรับมาก เพื่อจงใจหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็นแนวทางหรือรูปแบบพฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อย สามารถอธิบายได้ดังนี้
การใช้ตัวแทนเชิดในโครงสร้างธุรกิจ
การตั้งตัวแทนเชิด คือการใช้ชื่อของบุคคลอื่นหรือบริษัทอื่นเป็นผู้แสดงรายได้และรับภาระภาษีแทนตนเอง เพื่อให้ผู้กระทำจริงเสียภาษีน้อยลง หรือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางกฎหมายหากเกิดคดีความ
ตัวอย่างที่พบได้ เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มักใช้วิธีนำรายชื่อคนงานของตนมาเป็นผู้รับเหมารายย่อย โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่ถูกใช้ชื่อจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อเลี่ยงการต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทำให้บริษัทประหยัดภาษีได้มากขึ้น
อีกกรณีหนึ่งคือ ในธุรกิจขนส่งสินค้าที่กรมสรรพากรตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการบางรายนิยมใช้ชื่อของพนักงานขับรถหรือพนักงานรับส่งสินค้าในการรับรายได้แทนตนเอง เพื่อปกปิดรายได้ที่แท้จริงและหลีกเลี่ยงภาระภาษีอย่างไม่ถูกต้อง
การก่อตั้งคณะบุคคล
การจัดตั้งคณะบุคคลหลายชุด โดยใช้ชื่อบุคคลเดียวกันเป็นผู้ร่วมในแต่ละคณะ เป็นกลยุทธ์ที่มักใช้เพื่อกระจายฐานรายได้ให้ย่อยลงซึ่งช่วยลดภาระภาษีที่ต้องชำระ และยังสามารถใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายแยกกันในแต่ละคณะได้ วิธีการนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระ เช่น ที่ปรึกษา ศิลปิน ดารา รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้สูง
การขาดทุนในองค์กร
ในหลายๆ ธุรกิจโดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมักใช้วิธีการเพิ่มค่าใช้จ่ายหรือออกเอกสารค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เพื่อนำมาเบิกกับบริษัท ทำให้ผลประกอบการปลายปีแสดงว่าบริษัทขาดทุน ซึ่งส่งผลให้ไม่มีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องชำระ อีกทั้งยังอาจได้รับเงินคืนจากภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่มีผลกำไรเกิดขึ้น
อีกแนวทางหนึ่งที่ใช้กัน คือ การทำให้บริษัทดูเหมือนมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เช่น การให้บริษัทกู้เงินจากกรรมการของบริษัทเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดตัวเลขรายได้หรือยอดขายสุทธิแล้ว ยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในรูปแบบดอกเบี้ยที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
การปกปิดยอดขายและยอดซื้อ
การปกปิดยอดขายและยอดซื้อ คือการที่บริษัทมีการจัดทำบัญชีอย่างไม่ถูกต้อง โดยจงใจแสดงยอดขายให้น้อยกว่าความเป็นจริง เพื่อให้เสียภาษีในจำนวนที่ต้องการ เช่น ในความเป็นจริงมียอดขายสินค้า 200 รายการ แต่มีการออกใบกำกับภาษีหรือบิลขายเพียง 80 รายการเท่านั้น วิธีการเช่นนี้เป็นแนวปฏิบัติที่พบได้บ่อยในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำนวนมาก
การซื้อใบกำกับภาษี
การซื้อใบกำกับภาษีที่พบได้บ่อยในทางปฏิบัติ คือการที่บางบริษัทเลือกซื้อใบกำกับภาษีซื้อจากผู้ประกอบการค้าขายน้ำมัน เพื่อนำมาแสดงเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการตนเอง โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานหรือคนงานที่ไปเติมน้ำมันตามสถานีบริการต่างๆ มักไม่ได้ขอใบกำกับภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้บริษัทไม่สามารถนำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขายได้ตามปกติ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นการใช้เอกสารภาษีโดยมิชอบ และเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบและดำเนินคดีจากกรมสรรพากรอีกด้วย
การใช้งานระบบบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดบางอย่าง
วิธีการนี้เป็นการจัดทำบัญชีเท็จตามความต้องการของ เจ้าของกิจการ หุ้นส่วน หรือคณะกรรมการบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระภาษีของบริษัท และเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของกิจการที่แท้จริง ก่อนที่จะนำส่งงบการเงินให้ผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจรับรอง
ลักษณะของการกระทำจะรวมถึงการบันทึกรายจ่ายปลอม เช่น ค่าที่ปรึกษา ค่าโบนัสกรรมการ หรือสวัสดิการพนักงาน ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีรายการเหล่านั้นเกิดขึ้น เป็นเพียงการวางแผนหลีกเลี่ยงภาษีโดยแฝงเจตนาแสวงหากำไรส่วนตัว
กล่าวโดยสรุป เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว สำหรับใครที่กำลังดำเนินการอยู่หรือมีแผนจะเริ่มต้น ควรรีบดำเนินการปรับแก้ให้ถูกต้องโดยเร็วเพราะต้องยอมรับว่ากรมสรรพากรสามารถติดตามและตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้มีรายได้ไม่ยาก
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนที่มีรายได้จะต้องเปลี่ยนแนวทางการจัดการภาษีให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย เมื่อดำเนินการอย่างโปร่งใสและถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล และสามารถมุ่งมั่นบริหารธุรกิจของตนได้อย่างเต็มที่
อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม คลิกที่นี่
Source : Inflow Accounting