โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จิตตะ เวลธ์ ชี้ลงทุนครึ่งปีหลัง AI Market Prediction ยังล็อกเป้าหุ้นจีน

การเงินธนาคาร

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จิตตะ เวลธ์ ชี้ทิศทางลงทุนครึ่งปีหลัง AI Market Prediction ยังล็อกเป้าหุ้นจีน เผยสูตรจัดพอร์ตด้วย Core & Satellite ลงทุน Global ETF และ Jitta Ranking Alpha ฝ่าความผันผวนได้จริง

บลจ. จิตตะ เวลธ์ ประเมินครึ่งปีหลังยังเห็นความไม่แน่นอนจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการลงทุน พร้อมเปิดบทพิสูจน์การลงทุนฝ่าวิกฤติ Trump Tariffs ด้วยการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite กระจายความเสี่ยง ด้วย Global ETF และ Jitta Ranking Alpha ในสัดส่วน 80:20 เอาชนะความผันผวนได้ด้วยผลตอบแทน +3.49%

ขณะที่ AI ยังชี้ “จีน” ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนครึ่งปีหลัง จากอัตราส่วนหุ้นดีราคาถูกเพิ่มขึ้นมาถึง 15.6 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงอยู่ที่ 0.61 เท่า สะท้อนราคาที่แพงไปแล้ว เผยผลตอบแทนล่าสุด (YTD) ตลาดหุ้นจีนยังโดดเด่น ทั้ง Jitta Ranking หุ้นฮ่องกง +19.64% หรือกลุ่ม Thematic หุ้นจีนที่ล้วนสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 20%

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ เปิดเผยว่า แม้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลจากประเด็นสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บ้างแล้วเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่ตลาดผันผวนรุนแรง แต่ในช่วงที่เหลือของปี

ประเด็นเหล่านี้จะยังคงกดดันตลาด และอาจกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี และส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อต่อไป เป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตา

หากย้อนประวัติศาสตร์เงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์สำคัญ เงินเฟ้อจะพุ่งแรงอย่างเห็นได้ชัด เช่นในปี 2489 ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปถึง 18.1% แต่ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะผ่านมากี่วิกฤติตลาดหุ้นก็สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้

โดยดัชนี S&P500 สร้างผลตอบแทนได้ถึง 326.65% (31 ธันวาคม 2542 - 14 กรกฏาคม2568) สะท้อนได้ว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ดังนั้นนักลงทุนต้องทำการบ้านหนักขึ้นเพื่อให้เป็น “นักเลือก” ค้นหาหุ้นที่ดีในราคาเหมาะสม ทนทานต่อความผันผวนในระยะยาวให้เจอให้ได้

นายตราวุทธิ์กล่าวว่า เมื่อภาพการลงทุนกำลังเปลี่ยนไปตามบริบทใหม่ของโลก นักลงทุนจำเป็นต้องมีหลักคิดในการลงทุนที่ถูกต้องเพื่อให้พร้อมเผชิญกับความไม่แน่นอนในอนาคต ซึ่งการกระจายความเสี่ยง (Diversification) ให้พอร์ตคือกุญแจสำคัญ

รวมถึงการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ที่มีการแบ่งสัดส่วนของ Core Port หรือพอร์ตหลักให้มีสินทรัพย์ที่กระจายความเสี่ยงอย่างครอบคลุม และสร้างความมั่นคงให้พอร์ต ควบคู่ไปกับ Satellite Port หรือพอร์ตรอง เสริมการลงทุนแบบมุ่งเน้นผลตอบแทน ในประเทศหรือธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง

ซึ่งสัดส่วนของทั้ง 2 พอร์ต อาจจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนเอง แต่สัดส่วนที่ปลอดภัยที่ Jitta Wealth แนะนำจะอยู่ที่ 80:20

ทั้งนี้สูตรการลงทุนที่ Jitta Wealth แนะนำคือการจัด Core Port ด้วย Global ETF แผนการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก และจัด Satellite Port ด้วย Jitta Ranking Alpha นโยบายการลงทุนที่มี Alpha AI อัลกอริทึมวิเคราะห์ประเทศของ Jitta Wealth คัดเลือก ‘ตลาดหุ้นที่ดี ในเวลาที่เหมาะสม’

การจัดพอร์ตแบบนี้ที่สัดส่วน 80:20 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถนำพาพอร์ตให้ผ่านพ้นวิกฤติ Trump Tarriffs ได้ โดยในวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่สหรัฐฯ มีการประกาศ Liberation Day ผลตอบแทนของพอร์ตติดลบเพียง 5.27% จากต้นปี ถือว่าน้อยมากเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่ร่วงรุนแรงในช่วงแวลาเดียวกัน

และล่าสุดเมื่อตลาดเริ่มนิ่ง (14 กรกฎาคม 2568) ผลตอบแทนก็กลับมา +3.49% พิสูจน์ได้ว่าการจัดพอร์ตด้วยหลักการนี้สามารถฝ่าวิกฤติความผันผวนได้จริง

“การกระจายความเสี่ยงและการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite โดยมี Global ETF เป็น Core Port สามารถฝ่าวิกฤติได้จริง ด้วยผลตอบแทนที่ดีและความเสี่ยงต่ำ เหมาะที่นักลงทุนจะใช้เป็นพอร์ตหลักได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล และการมีพอร์ตหลักที่มั่นคง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนด้วยการเลือกลงทุนในตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคตใน Satellite Port ได้ด้วย”

นายตราวุทธิ์ยังกล่าวว่า ตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตเวลานี้ นักลงทุนอาจจะให้ความสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังคงทำสถิติ All Time High ได้เสมอ แต่สหรัฐฯ เองก็ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม

ทั้งปัญหาภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงความต้องการพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มลดน้อยลง ขณะที่ประเทศคู่แข่งอย่างจีนในเวลานี้ถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง มีจุดยืนที่มั่นคงในเวทีโลกเห็นได้จากการตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ แม้ในภาพรวมของภาคประชาชนจะแสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง GDP เติบโตอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5.5% (2564-2567) ซึ่ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 2%

อย่างไรก็ตามหากถาม AI ถึงประเทศที่น่าลงทุนในเวลานี้ ด้วย Jitta Market Prediction ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ในแบบ AI Predictive Analytics ที่มีการนำฐานข้อมูลการลงทุนมาวิเคราะห์ในทุกมิติ เพื่อเฟ้นหาตลาดที่น่าลงทุน และมีศักยภาพที่จะสร้างผลกำไรดีที่สุดในอนาคต

โดยข้อมูลล่าสุด (11 กรกฏาคม) AI พบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีอัตราส่วนหุ้นถูกต่อหุ้นแพงลดลงมาอยู่ที่ 0.61 เท่า จากสิ้นปีก่อนที่มี 0.72 เท่าสะท้อนว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้อาจจะแพงไปแล้ว เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นจีนที่มีอัตราส่วนหุ้นถูกต่อหุ้นแพงเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.6 เท่าจากสิ้นปีก่อนที่มีเพียง 9 เท่า

เวลานี้ระบบเศรษฐกิจโลกถูกขับเคลื่อนไปตามการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน ในอีก 10 ปีข้างหน้า ยังไม่มีใครตอบได้ว่าสหรัฐฯ หรือจีน ใครจะขึ้นเบอร์หนึ่งของโลก แต่ที่แน่ๆ เราก็จะเห็นการเติบโตของทั้ง 2 ประเทศนี้ต่อไป

ดังนั้นหากนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสการลงทุนใน Satellite Port ด้วยหุ้นในประเทศต่างๆ แต่ยังไม่รู้ว่าควรลงทุนในตลาดใดในช่วงจังหวะเวลาใด สามารถลงทุนใน Jitta Ranking Alpha ที่จะมี Alpha AI อัลกอริทึมวิเคราะห์ประเทศของ Jitta Wealth ช่วยคัดเลือก ‘ตลาดหุ้นที่ดี ในเวลาที่เหมาะสม’ ตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่มีความรู้หรือไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ตลาด สามารถลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นที่ดี ในเวลาที่เหมาะสม’ และ ‘หุ้นดีราคาถูก’ ได้พร้อมๆ กัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้นักลงทุนได้ดีกว่า

นายตราวุทธิ์ยังกล่าวว่า สำหรับผลตอบแทนการลงทุนในนโยบายต่างๆ ของ Jitta Wealth ตั้งแต่ต้นปีมาถึงปัจจุบัน (14 กรกฎาคม 2568) นั้น นโยบายที่เกี่ยวกับหุ้นจีนสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่น เช่น Jitta Ranking หุ้นฮ่องกง สามารถสร้างผลตอบแทน (YTD) +19.64% และหากดูเป็นธีมการลงทุน พบว่าธีมบริการสุขภาพจีน +29.34% ธีมพลังงานสะอาดจีน +26.19% ธีมตลาดหุ้นจีน +23.16% ธีมหุ้นฮ่องกง +22.50% ธีมเทคโนโลยีจีน +19.26% ส่วนJitta Ranking หุ้นจีน +4.77% และ Jitta Ranking Alpha +4.15%

“AI ของ Jitta Wealth ชี้ให้เห็นโอกาสในตลาดหุ้นจีนมาโดยตลอด และเวลานี้ยิ่งตอกย้ำความแม่นยำได้จากผลตอบแทนที่ชัดเจน ซึ่่งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำไปก่อนเพราะเป็นตลาดที่เงินทุนไหลเข้าออกง่าย แต่หากมองโครงสร้างในระยะยาวแล้วในอนาคตเชื่อว่าจะเห็นการโยกเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่แน่นอน”

หมายเหตุ * +3.49% เป็นผลตอบแทน Core & Satellite ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ในสกุลเงินไทยบาท หากเป็นสกุลเงินในประเทศที่ลงทุน จะมีผลตอบแทน +8.32%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

“ทักษิณ” ชี้ไทยยังไม่ไปไหนติดหล่มปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ธนาคารกรุงเทพ โชว์กำไร 2.4 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรก 68

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลังเตรียมพร้อมมาตรการช่วยผู้ส่งออก-ภาคการผลิต รับมือ ภาษีสหรัฐฯ

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ทรุดแรงฉุดด่านเขมรปิด-สหรัฐฯ ขึ้นภาษีถล่มซ้ำ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ทักษิณ แย้ม ครม.สัปดาห์หน้าเคาะ “ผู้ว่าฯ ธปท.” คนใหม่

อีจัน

ประชุม คกก. คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร เห็นชอบ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการเก็บรักษาและแปรรูปลำไยด้วยการอบแห้งหรือรมด้วยก๊าซซันเฟอร์ไดออกไซด์

สวพ.FM91

Broker ranking 17 Jul 2025

Manager Online

“ทักษิณ” อุบชื่อผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ยืนยันเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

PostToday

“ทักษิณ” ชี้ไทยยังไม่ไปไหนติดหล่มปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ

การเงินธนาคาร

BBL อวดกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 68 เติบโต 9.5% แตะ 24,458 ล้าน

PostToday

‘ทักษิณ’ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย ผุดใช้คริปโตซื้อของได้ ฝึกเทรนเอไอให้คนไทย

เดลินิวส์

ONYX ปรับอิมเมจโรงแรม “อมารี” ตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่แตกต่าง

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...