Superman ขึ้นแท่นภาพยนตร์ DC เรื่องแรกในรอบหลายปีที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ ทะลุ 300 ล้านดอลลาร์
ในวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา Superman สามารถกวาดรายได้จาก Box Office เฉพาะในสหรัฐอเมริกาไปได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.84 พันล้านบาท) แล้ว หลังจากที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม และยังทำรายได้ Box Office จากทั่วโลกไปถึง 500 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการสร้างผลงานที่เปิดสู่อาณาจักรใหม่เรื่องแรกอย่างสวยงามภายใต้การกุมบังเหียนของ James Gunn ผู้รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบท พร้อมด้วย Peter Safran รวมไปถึงผู้รับบทซูเปอร์แมนคนใหม่อย่าง David Corenswet ด้วย
ความสำเร็จในครั้งนี้ส่งผลให้ Superman กลายเป็นภาพยนตร์จาก DC เรื่องแรกในรอบหลายปีที่ทำรายได้เฉพาะในสหรัฐฯ ทะลุ 300 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ The Batman ของผู้กำกับ Matt Reeves กวาดรายได้ตลอดการเข้าฉายในโรงหนังไปทั้งหมด 369.2 ล้านดอลลาร์ในปี 2022
นอกจากนั้น Superman ยังมีรายได้มากกว่าผลงานซูเปอร์แมนเวอร์ชันของ Zack Snyder เรื่อง Man of Steel นำแสดงโดย Henry Cavill ที่กวาดรายได้ในประเทศไป 291 ล้านดอลลาร์ในปี 2013 ซึ่ง Man of Steel นับเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์แมนแบบฉายเดี่ยวเรื่องสุดท้าย ก่อนที่ Zack Snyder จะสร้างภาคต่ออย่าง Batman v Superman: Dawn of Justice ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปทั้งหมด 330.4 ล้านดอลลาร์ในปี 2016 และอีกไม่นาน Superman ก็น่าทำรายได้แซงหน้าหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันภาพยนตร์ Superman เป็นหนังเรื่องที่ 4 แห่งปี 2025 ที่มีรายได้เฉพาะในสหรัฐฯ ถึง 300 ล้านดอลลาร์ ตามหลังภาพยนตร์เรื่อง A Minecraft Movie และ Lilo & Stitch ที่มีรายได้ทะลุ 400 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว ตามมาด้วย Jurassic World Rebirth ที่ขณะนี้กวาดรายได้ไป 310 ล้านดอลลาร์ โดย Superman เข้าฉายในโรงภาพยนตร์โดยมีคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Jurassic World Rebirth, F1: The Movie และตัวเต็งสำคัญอย่าง The Fantastic Four: The First Step จาก MCU ที่เปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยรายได้ในประเทศ 117.6 ล้านดอลลาร์ และทำรายได้จากต่างประเทศอีก 99 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้ง Superman และ Fantastic Four เวอร์ชันใหม่ภาคแรก ต่างก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากคอหนังซูเปอร์ฮีโร่และนักวิจารณ์กันทั้งสองเรื่อง
อ้างอิง: