ไขสงสัย ทำไมชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังต้องพึ่งเงินบริจาค งบกลาง 8 แสนล้านอยู่ไหน?
เจาะไส้ใน งบกลาง เหลือใช้ฉุกเฉินจริงแค่หยิบมือและมีขั้นตอนซับซ้อน ระเบียบราชการสุดอืดอาด แม้ส่วนกลางอนุมัติแล้วแต่เงินยังไปไม่ถึงพื้นที่ ชายแดน ไทย – กัมพูชา
ท่ามกลางน้ำใจของคนไทยที่หลั่งไหลส่งเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เกิดคำถามสำคัญขึ้นในสังคมว่า งบกลางกว่า 8 แสนล้านบาท ของรัฐบาลหายไปไหน? เหตุใดการช่วยเหลือในพื้นที่จึงยังต้องพึ่งพาเงินบริจาคจากภาคประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเบื้องหลังความล่าช้านี้มีปมปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนอยู่
อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ที่ นายธนา กิจไพบูลย์ชัย ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว THE STANDARD เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า ตลอด 5-6 วันที่ผ่านมาของการดูแลผู้ลี้ภัยและผู้ได้รับผลกระทบนั้น ต้องอาศัยเงินบริจาคจากประชาชนและงบสำรองขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งหมด
เนื่องจากงบประมาณจากส่วนกลางยังคงเดินทางมาไม่ถึง ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเสียงปืนและขาดแคลนสิ่งของจำเป็น
ไขปม ‘เงินมีแต่ใช้ไม่ได้’
จากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอุปสรรคสำคัญ 4 ประการด้วยกัน คือ
1. ยังไม่ประกาศเป็น “เขตภัยพิบัติ” หรือ “เขตสงคราม”
การที่รัฐบาลยังไม่มีการประกาศสถานะพื้นที่อย่างเป็นทางการ ทำให้ข้าราชการในระดับจังหวัดและอำเภอไม่กล้าเบิกจ่ายงบกลางหรืองบฉุกเฉินมาใช้ เพราะเกรงว่าจะผิดระเบียบและอาจถูกตรวจสอบลงโทษได้ในภายหลัง
2. งบกลาง 8 แสนล้าน ไม่ใช่เงินสดทั้งก้อน
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่านี่คือเงินสดที่รัฐบาลพร้อมใช้ได้ทันที แต่ความจริงแล้ว งบประมาณส่วนนี้เกือบ 79% เป็นงบผูกพันที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าสำหรับจ่ายเบี้ยหวัด บำนาญ และค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ส่วนงบที่ใช้สำหรับเหตุฉุกเฉินจริงๆ มีเพียงประมาณ 9 หมื่นล้านบาท และการเบิกจ่ายก็ยังมีขั้นตอนที่ซับซ้อน (อ้างอิง : Budgeting in Thailand หน้า 57)
3. ระเบียบราชการที่ล่าช้า
แม้กรมบัญชีกลางจะได้ขยายอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนสามารถอนุมัติวงเงินทดรองราชการได้ถึงจังหวัดละ 100 ล้านบาท แต่ด้วยความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติ ทำให้ข้าราชการในพื้นที่ไม่กล้าดำเนินการ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกว่า “ส่วนกลางไม่ทำอะไรเลย เงินมีแต่ไม่ให้ใช้”
4. ระยะห่างระหว่าง “การอนุมัติ” กับ “เงินถึงมือ”
แม้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจะยืนยันว่าได้อนุมัติงบไปตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมแล้ว แต่กระบวนการเบิกจ่ายที่ซับซ้อนทำให้เงินยังคงไปไม่ถึงพื้นที่จริง ซึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน ความล่าช้าเพียงไม่กี่วันหมายถึงความทุกข์ยากของประชาชน
ปรากฏการณ์นี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า น้ำใจจากภาคประชาชนได้กลายเป็น “ทางออก” เฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดในการบรรเทาความเดือดร้อน ระหว่างที่ระบบราชการกำลังพยายามปลดล็อกเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ เพื่อนำงบประมาณของรัฐเข้าช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ
ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่าสาเหตุที่การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนยังต้องพึ่งพาเงินบริจาคเป็นหลัก ทั้งที่มีงบกลางกว่า 8 แสนล้านบาท เป็นเพราะ
1) รัฐบาลยังไม่ประกาศเขตภัยพิบัติ ทำให้ข้าราชการไม่กล้าเบิกจ่าย
2) งบกลางส่วนใหญ่เป็นงบผูกพันสำหรับบำนาญข้าราชการ ไม่ใช่เงินสดพร้อมใช้ทั้งหมด
3) ระเบียบราชการที่ซับซ้อนทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า
4) มีช่องว่างระหว่างการอนุมัติงบกับการส่งเงินถึงพื้นที่จริง ทำให้เงินบริจาคจากประชาชนกลายเป็นความช่วยเหลือที่รวดเร็วที่สุดในขณะนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง