CCET กำไร Q2 ลดลง 28.16% ตามรายได้หด-ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET) ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 2 และงวดหกเดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 และงวดหกเดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการขาย
ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 957.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 31,465.23 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 1.77 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 รายได้จากการขายที่ลดลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,978.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 66,062.06 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.59 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ทั้งนี้ รายได้จากการขายช่วงหกเดือนที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลและผลิตภัณฑ์สวมใส่อัจฉริยะเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
2. ต้นทุนขาย
ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีต้นทุนขายเท่ากับ 904.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 29,701.02 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 94.39 ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 94.33 ของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ลดลงจากร้อยละ 5.67 เป็นร้อยละ 5.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีต้นทุนขายเท่ากับ 1,870.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 62,463.45 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 94.55 ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 94.51 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรขั้นต้นของครึ่งปีแรกปี 2568 ลดลงจากร้อยละ 5.49 เป็นร้อยละ 5.45 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นส่วนใหญ่มาจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์โดยรวมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเป็นจำนวน 29.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 977.45 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 3.11 ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.06 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเป็นจำนวน 55.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,855.79 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 2.81 ของรายได้จากการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.74 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และการจัดการเพื่อรองรับลูกค้าปัจจุบันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
4. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 2.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 89.34 ล้านบาท) ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.82 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในงวดหกเดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 5.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 170.30 ล้านบาท) ปรับตัวลดลงร้อยละ 43.59 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การลดลงของค่าใช้จ่ายทางการเงินส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการลดเงินกู้ยืมธนาคารเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและแผนการขยายตัวของบริษัทและบริษัทย่อยในประเทศไทยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
5. กำไรสุทธิ
ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 471.15 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 28.16 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ ลดลงจากร้อยละ 2.05 เป็นร้อยละ 1.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 31.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,062.97 ล้านบาท) ซึ่งลดลงร้อยละ 9.19 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 ลดลงจากร้อยละ 1.89 เป็นร้อยละ 1.61 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่ลดลงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสัดส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในช่วงเวลาดังกล่าวเมื่อเทียบกับปีก่อน