แผน PDP ค้างเติ่งกระทบเอกชน ส.อ.ท.ชี้คู่ค้าหนีซบมาเลย์-อินโดฯแทน
ร่างแผนพีดีพี 2024 ผ่านมา 2 ปี ยังค้างเติ่ง ไม่ประกาศใช้ แถม กพช.ทำท่าจะตั้งคณะกรรมการ PDP ขึ้นใหม่ ทั้งที่ไส้ในยังมีปัญหา กำหนดโรงไฟฟ้าก๊าซเพิ่มอีก ทั้งที่ของเดิมครึ่งหนึ่งไม่มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ส.อ.ท.ชี้เอกชนเดือดร้อน การลงทุนไร้ทิศทาง คู่ค้าไม่เชื่อมั่น ลดคำสั่งซื้อ หันไปหามาเลย์ อินโดฯ เวียดนามแทน ย้ำชัดโลกต้องการพลังงานสะอาด
เป็นเวลากว่า 2 ปี ที่แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นแผนแม่บทในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ว่าด้วยการจัดหาพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว 15-20 ปี ยังไม่ได้บรรจุเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
ขณะที่การเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนพีดีพีในเดือนมิถุนายน 2567 พบว่า ปัญหาสำคัญคือ การคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริง ขณะที่ในแผนกำหนดให้มีโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มอีก 8 แห่ง กำลังผลิตรวม 6,300 เมกะวัตต์ แต่ปัจจุบันกลับมีโรงไฟฟ้าก๊าซถึงครึ่งหนึ่งไม่มีการใช้งาน ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้า อีกทั้งยังมีการตั้ง Smart Microgrid (ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดเล็ก) และ Demand Response (การตอบสนองต่อมาตรการเพิ่มศักยภาพในการใช้ไฟ) ที่ต่ำเกินไป
ล่าสุด นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยความคืบหน้าว่า กพช.ได้ขอตั้งคณะกรรมการ PDP ขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะดำเนินการสะสางและสานต่อแผน PDP ให้มีความต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยจากสถานการณ์การเมืองโลก เศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการเข้ามาของดาต้าเซ็นเตอร์ และยานยนต์ไฟฟ้า
นายอาทิตย์ เวชกิจ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ด้านอนุรักษ์พลังงาน และ Grid Modernization สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ความล่าช้าของแผน PDP ฉบับใหม่ทำให้เอกชนเดือดร้อนมาก เป็นความล่าช้าที่ไร้เหตุผล เมื่อไม่มีแผน PDP เอกชนไม่สามารถอธิบายกับคู่ค้าได้ว่า เราจะ Green Energy ได้มากน้อยแค่ไหน เราจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานสะอาดจากรัฐภายใต้กฎหมายกำกับการใช้พลังงานสะอาดของเอกชน และยังไม่สามารถซื้อไฟฟ้าสะอาดจากเพื่อนบ้านได้
ขณะที่ภายในประเทศเองมีสัดส่วนพลังงานสะอาดเพียง 50% ทำให้ปัจจุบันเอกชนไม่มีทางออกในการใช้ Green Energy เอกชนจึงอยากเสนอให้รัฐเร่งจัดทำแผน PDP ที่มีความเป็นธรรม มีไฟฟ้าที่มาจากพลังงานสะอาด นับเป็นความจำเป็นอย่างมากต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในตอนนี้ นอกจากนี้ ความล่าช้าของแผนยังส่งผลกระทบต่อราคาค่าไฟของประชาชนด้วย
“ส.อ.ท.ได้รับความเห็นจากผู้ประกอบการเอกชน ทั้งภาคผลิตและบริการ หลายรายเห็นพ้องตรงกันว่า ถ้าไม่มีความชัดเจนเรื่อง Low Carbon Footprint of Product และ Carbon Footprint of Organization คู่ค้าจะทยอยลดคำสั่งซื้อ จากเดิมที่เคยลงทุนซื้อสินค้าในบ้านเรา ก็จะหันไปสนใจประเทศเพื่อนบ้านที่มีความชัดเจนของแผนพลังงานชาติ อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ส่งผลต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และเราเชื่อว่าเป็นผลกระทบขนาดใหญ่ต่อประเทศ ตอนนี้เราไม่สามารถพูดได้ว่าประเทศไทยจะมีพลังงานสะอาดมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องอันตรายของประเทศอย่างมาก”
นายอาทิตย์กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมามีการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ จากการขออนุมัติการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ แต่ยังไม่เห็นการตอกเสาเข็ม แน่นอนว่านักลงทุนทุกเจ้าที่เข้ามาลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ถ้าไทยเรายังไม่มีในส่วนนี้ก็คงยากที่จะเริ่มเห็นการก่อสร้างที่เป็นรูปเป็นร่างจริง ๆ
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศกระทบต่อการดำเนินการเดินหน้าไปสู่พลังงานสะอาด เช่น ที่ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ มี นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งมีคณะอนุกรรมการ 4 คณะ รับผิดชอบประเด็นสำคัญ 4 ด้าน โดยเฉพาะด้านการผลักดันพลังงานสะอาด (Clean Energy) โดยจะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนพลังงานชาติ และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ถ้ามีการเปลี่ยนรัฐบาลการทำงานส่วนนี้ก็จะถูกดรอปลงไป
อย่างไรก็ตาม ภาคพลังงานมีบทบาทสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ถึง 75% เป็นตัวเด่นในการดึงดูดการลงทุน เราจะต้องสร้างความชัดเจนของแผนดำเนินงานต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ถือว่าไทยยังไม่ผ่าน เนื่องจากยังขาดความชัดเจนทางด้านนโยบายในการสนับสนุนพลังงานสะอาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติกังวลในการเข้ามาลงทุน
ดังนั้น รัฐจะต้องสนับสนุนพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง และต้องมีการบังคับใช้ให้เร็วที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติให้กลับคืนมา
“อุตสาหกรรมหนักแม้แต่นิคมอุตสาหกรรม ทุกคนต้องการพลังงานสะอาด นักลงทุนที่จะเข้ามาใหม่ก็ลดลงเพราะเราไม่มีความชัดเจนเรื่องพลังงานสะอาด” นายอาทิตย์กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แผน PDP ค้างเติ่งกระทบเอกชน ส.อ.ท.ชี้คู่ค้าหนีซบมาเลย์-อินโดฯแทน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net