พาสำรวจประวัติศาสตร์และข้อมูลน่ารู้ของจังหวัดทตโตริแบบทุกซอกทุกมุม!
แม้ จังหวัดทตโตริ จะเป็นจังหวัดที่มีประชากรน้อยที่สุดในญี่ปุ่น แต่ดินแดนแห่งนี้กลับซ่อนขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างน่าทึ่ง ในบทความนี้จะพาทุกคนย้อนไปดูตั้งแต่ร่องรอยของมนุษย์ในยุคยาโยอิ ไปจนถึงปราสาทยุคเซ็นโกกุและมรดกทางธรรมชาติอันทรงคุณค่า ทุกตารางนิ้วของทตโตริคือชั้นประวัติศาสตร์ที่รอให้เราค้นพบ!
จุดเริ่มต้นของผู้คนบนดินแดนทตโตริ
ชาวโบราณที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ในยุคโจมงและยาโยอิ ทิ้งหลักฐานไว้มากมาย ทั้งซากปรักหักพัง โบราณวัตถุ และหลุมศพโบราณ ที่แสดงถึงการติดต่อกับแผ่นดินใหญ่และคาบสมุทรเกาหลี สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือใบหน้าของคนในยุคยาโยอิที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จากดีเอ็นเอของกระดูกมนุษย์ที่ขุดพบในซากปรักหักพังอาโอยะ คามิเดราจิ เมืองทตโตริ กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ และตอกย้ำว่าทตโตริเป็นแหล่งกำเนิดทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
ทำไมถึงชื่อ “ทตโตริ” ?
ย้อนกลับไปในสมัยนารา บริเวณภูเขาคิวโชเต็มไปด้วยทะเลสาบและหนองน้ำ ซึ่งเป็นที่อยู่ของนกน้ำมากมาย คนในพื้นที่ซึ่งมีอาชีพจับนกเหล่านี้เพื่อดำรงชีพ จึงถูกเรียกว่า “โทโทริเบะ” และชื่อของจังหวัดก็สืบทอดมาจากชื่อของกลุ่มคนเหล่านี้
ภาษาถิ่นทตโตริ
จังหวัดทตโตริเคยประกอบด้วยสองจังหวัดในอดีต จึงมีภาษาถิ่นหลักสองสาย ได้แก่ฝั่ง อินาบะทางตะวันออกและโฮกิทางตะวันตก ตัวอย่างคำที่แตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นมาตรฐาน แม้ว่าสำนวนจะเปลี่ยนไปตามรุ่นวัย แต่ก็สะท้อนถึงเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่ยังคงหลงเหลือในทุกคำพูดของชาวทตโตริ
จากเมืองโบราณสู่ทตโตริในปัจจุบัน
รู้ไหมว่าทตโตริถือกำเนิดขึ้นจากการรวมจังหวัดอินาบะและโฮกิในอดีต ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลอิเคดะ ปราสาททตโตริก็คือศูนย์กลางอำนาจของตระกูลนี้นั่นเอง จนในปีค.ศ.1871 ก็ถูกจัดตั้งขึ้นเป็น “จังหวัดทตโตริ” อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เพียง 5 ปีหลังจากนั้น จังหวัดทตโตริถูกควบรวมเข้ากับจังหวัดชิมาเนะ แต่ด้วยแรงผลักดันจากประชาชน ทำให้ในปีค.ศ. 1881 จังหวัดทตโตริได้รับการก่อตั้งขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยวันที่ 12 กันยายนของทุกปีจึงกลายเป็น “วันประจำจังหวัดทตโตริ”
ซากโบราณสถานที่ทรงคุณค่าในจังหวัด
1. ซากปรักหักพังมูกิบันได
นี่คือแหล่งตั้งถิ่นฐานยุคโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ถึง 152 เฮกตาร์ หรือเทียบเท่าโตเกียวโดมถึง 34 แห่ง! ภายในมีหลุมฝังศพทรงสี่เหลี่ยมแบบเฉพาะตัวที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคอิซุโมะ แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่แผ่ขยายไปทั่วภูมิภาคซันอินในอดีต
2. ซากปรักหักพัง Aoyakamijichi
ได้ชื่อว่าเป็น “พิพิธภัณฑ์ใต้ดินของยุคยาโยอิ” เพราะขุดพบเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะไม้ และโบราณวัตถุมากมาย ที่โดดเด่นคือการพบกะโหลกที่ยังมีสมองหลงเหลืออยู่ถึง 3 กะโหลก ถือเป็นการค้นพบที่หายากระดับโลก
ปราสาทที่เล่าขานเรื่องราวแห่งศึกสงคราม
1. ซากปราสาททตโตริ
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางยุคเซ็นโกกุ และมีชื่อเสียงจากการถูกโทโยโทมิ ฮิเดโยชิล้อมโจมตี แม้ตัวปราสาทจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่กำแพงหินและหอคอยบางส่วนยังคงตั้งตระหง่าน เตือนใจถึงศึกครั้งอดีต
2. ซากปราสาทโยนาโกะ
เริ่มก่อสร้างในต้นสมัยเอโดะโดยแม่ทัพโยชิกาวะ ฮิโรอิเอะ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 90 เมตร มองเห็นวิวงดงามของภูเขาไดเซ็น ทะเลสาบนากาอุมิ และทะเลญี่ปุ่นแบบ 360 องศา
มรดกทางธรรมชาติและจิตวิญญาณ
1. วัดไดเซ็นจิ
ตั้งอยู่บนภูเขาไดเซ็นอันยิ่งใหญ่ วัดแห่งนี้คือศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวพุทธในพื้นที่ อาคารสำคัญ เช่น หออามิดะ และศาลเจ้าโอกามิยามะ โอคุมิยะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
2. ภูเขามิโตกุและวัดซันบุตสึจิ
ภูเขามิโตกุในเมืองมิซาสะ สูงถึง 900 เมตร และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จุดเด่นคือวัดซันบุตสึจิ ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน ราวกับท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและเป็นหนึ่งใน “100 ป่าอาบป่าที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น”
ทตโตริอาจไม่ใช่จังหวัดที่คนส่วนใหญ่คิดถึงเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึงญี่ปุ่น แต่หากมองลึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ คุณจะพบว่าที่นี่คือแหล่งรวมเรื่องราวแห่งอดีต วัฒนธรรมดั้งเดิม และธรรมชาติที่ยังคงบริสุทธิ์ราวกับไม่ได้ถูกรบกวนจากกาลเวลา ทตโตริจึงไม่ใช่เพียง “จังหวัดเล็ก ๆ” แต่คือหีบสมบัติของญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การเปิดออกมาชื่นชม
สรุปเนื้อหาจาก : kids-web.jp