โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

‘เมืองแพทย์สุดล้ำ’ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ 6.9 แสนล้าน ดันจีดีพีโต 3.39%

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยคาดว่าประชากรในภูมิภาคจะมีจำนวนเกิน 722 ล้านคนภายในปี 2573 ปัจจัยร่วมจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วและการขยายตัวของชนชั้นกลาง กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพสูง เข้าถึงได้ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) มีสัดส่วนการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีการแพทย์(MedTech) คิดเป็นราว 30% ของตลาดโลก โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 121-140 พันล้านดอลล่าร์ภายในปี 2568 ทางด้านอาเซียน มีประชากรกว่า 678 ล้านคน และมีจีดีพี รวม 3.9 ล้านล้านดอลล่าร์ในปี 2567 (เพิ่มขึ้นจาก 3.8 ล้านล้านดอลล่าร์ในปี 2566) ซึ่งสะท้อนถึงน้ำหนักทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยมีปัจจัยจากความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการขยายตัวของชนชั้นกลาง การเข้าถึงระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น ตลอดจนการนำโมเดลการดูแลสุขภาพดิจิทัลและการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้อย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กรมการแพทย์! ลุยปั้นคน-เทคโนโลยีขั้นสูง ดันไทยติด Top 3 เอเชีย

ดูแลเบาหวานด้วยดิจิทัลโซลูชัน รู้ไว รักษาได้ ช่วยให้โรคสงบ

ส่งออกเครื่องมือแพทย์ 42,695 ล้านบาท

จารุเดช คุณะดิลก ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ (MeDIC) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2568 แนวโน้มกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเข้ามารักษาในสถานพยาบาลของไทยเพิ่มขึ้น การสร้างโรงพยาบาลใหม่และการขยายพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติ ตลอดจนตลาดส่งออกเครื่องมือแพทย์กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองเติบโตมากขึ้น

โดยปี 2567 ประเทศไทยส่งออกเครื่องมือแพทย์ 133,393 ล้านบาท และนำเข้าที่ 96,937 ล้านบาท สำหรับรายงานล่าสุดในปีนี้ พบว่าเดือนม.ค.-เม.ย.2568 ส่งออกเครื่องมือแพทย์ 42,695 ล้านบาท และนำเข้าที่ 31,477 ล้านบาท ดังนั้นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงตระหนักถึงความสำคัญของการอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ หรือ New S-Curve เร่งพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่ม GDP จากการผลิต การจ้างงาน การลงทุน และทดแทนการนำเข้าประเภทเครื่องมือแพทย์

“กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ (MeDIC) เดินหน้าในการสร้างพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรม เชื่อมโยงผู้ผลิตด้านดิจิทัลเฮลท์ สถาบันวิจัย ผู้ให้บริการทางการแพทย์ ผู้ประกอบการ นักลงทุน เพื่อเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และนวัตกรรมสุขภาพไทย ซึ่งตอบรับยุทธศาสตร์ของรัฐในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ปี 2568-2577”จารุเดช กล่าว

ภาครัฐจะต้องมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในทุกมิติทั้งด้านการผลิต การพัฒนามาตรฐาน การวิจัยและนวัตกรรม การส่งเสริมการใช้สินค้าเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยผลักดันอีโคชิสเต็มสุขภาพของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธุรกิจรพ.เอกชนไทยขยายตัวสูง7.6%

ด้าน นพ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า ปีนี้คาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยจะมีกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น 7.6% โดยประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ การทรานส์ฟอร์มนวัตกรรมการแพทย์ที่มาอย่างรวดเร็ว การขยายตัวของประชากรสูงวัย รวมถึงโรคอุบัติใหม่

“ปัจจัยวิกฤตและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะเป็นแรงผลักดันให้โรงพยาบาลเอกชนต้องปรับกลยุทธ์และยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย ประสบการณ์บริการให้ได้มาตรฐานสากลสอดรับกับนโยบายของรัฐ ที่ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากเศรษกิจสุขภาพ (Health Economy) 690,000 ล้านบาทในปี 2568 ซึ่งคิดเป็น 3.39% ของ GDP ประเทศไทย”นพ.ไพบูลย์ กล่าว

ส่งเสริมนวัตกรรมแบรนด์ไทยใช้ในรพ.

นพ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่าโรงพยาบาลเอกชนไทยเป็นอีกกลไกทางสุขภาพที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างมาก แต่จากผลกระทบทตามภาวะเศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลต่อเนื่องมายังกำลังซื้อและการใช้จ่ายด้านสุขภาพของชาวไทย ประกอบกับประชาชนให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา อีกทั้งพฤติกรรมของผู้มาใช้บริการ โรงพยาบาลเอกชนที่คาดหวังในคุณภาพการรักษาและบริการที่คุ้มค่ามากขึ้น

“ส่งเสริมการลงทุนและการนำนวัตกรรมการแพทย์แบรนด์ไทยมาใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญและควรเร่งผลักดัน เพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา และขยายโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ตลอดจนลดการพึ่งพานำเข้าของนวัตกรรม อุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งจะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับระบบสาธารณสุขไทย"นพ.ไพบูลย์ กล่าว

2 พลังขับเคลื่อนไทยสู่ Medical Hub

วิชญ์ฐิตา ปานเนาว์ ผู้แทนผู้อำนวยการกองวิศวกรรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุกล่าวว่า ขณะนี้โลกกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งในแวดวงสุขภาพ ประเทศไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโลก (Medical Hub) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยสองพลัง คือ พลัง นวัตกรรม ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเทคโนโลยีการแพทย์ (MedTech), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าการดูแลสุขภาพไปอย่างสิ้นเชิง และพลังความปลอดภัยและมาตรฐาน เพราะนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดจะไร้ความหมาย หากปราศจากความไว้วางใจจากประชาชน

"การพัฒนาระบบบริการสุขภาพในยุคปัจจุบันต้องอาศัยนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีทั้งคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยอยู่ในระดับสูงสุดต่อผู้ป่วย การบูรณาการเทคโนโลยีเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ จึงต้องควบคู่ไปกับการออกแบบการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางแบบองค์รวม (Patient-Centered Care)ครอบคลุมทั้งการป้องกันโรค การวินิจฉัย การรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ”วิชญ์ฐิตา กล่าว

สำหรับนวัตกรรม MedTech ภายใต้แนวทางมาตรฐาน HS4 ไม่เพียงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา ลดความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือ แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การรักษาให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีส่วนร่วมในกระบวนการดูแลรักษามากขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของ ผู้ป่วยและความยั่งยืนของระบบสาธารณสุขไทย

ปักหมุด “MEDICAL FAIR THAILAND 2025”10-12 ก.ย.นี้

“บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย” จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชนไทย เตรียมพร้อมมหกรรมเทคโนโลยีแพทย์นานาชาติ จัดงาน "MEDICAL FAIR THAILAND 2025" งานแสดงสินค้านวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และบริการสุขภาพระดับนานาชาติ ที่รวมผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมการแพทย์เข้าด้วยกัน

โดยจะมีผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพมากกว่า 1,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมทั้ง 20 พาวิลเลียนไทยและนานาชาติ มาจัดแสดงอุปกรณ์และเวชภัณฑ์อย่างครบวงจร บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร อย่างครบวงจร ทั้งห่วงใช่มูลค่าในการดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับโรงพยาบาล การวินิจฉัย เครื่องมือแพทย์ โซลูชันฟื้นฟูสุขภาพ เทคโนโลยีดิจิทัล ไปจนถึงการผลิตขั้นสูง

พร้อมการประชุมสัมมนาที่นำเสนอหัวข้อบรรยายเชิงลึก อัปเดทเทรนด์เมดิคัลเทค-เฮลธ์เทค-เอไอ เสริมแกร่งระบบสาธารณสุขไทย เชื่อมโอกาสอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการสุขภาพแบรนด์ไทย ก้าวสู่ตลาดอาเซียนอย่างยั่งยืน โดยงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จัดขึ้นในวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

มร.เกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เปิดเผยว่า งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการลงทุนในอุตสาหกรรม MedTech และ HealthTech ของประเทศ ซึ่งมีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่องนับพันล้านบาทในอนาคต ภายใต้วิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฮับการแพทย์ระดับภูมิภาค

“งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญเชื่อมโยงนวัตกรรมไทยกับพันธมิตรทั่วภูมิภาค สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพของอาเรียน การจัดงานครั้งนี้นับเป็นปีที่ 11 แล้ว โดยมุ่งมั่นที่จะขยายแพลตฟอร์มของงานให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการอุตสาหกรรมการแพทย์ของภูมิภาค"มร.เกอร์นอท กล่าว

GITEX GLOBAL งานด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ

ขณะที่ มร. คริส แมคควิน กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ KAOUN International ผู้จัดงาน GITEX Digi-Health & Biotech Thailand กล่าวถึง การผนึกกำลังร่วมกับ MEDICAL FAIR THAILAND ในครั้งนี้ว่า งาน GITEX DIGI HEALTH & BIOTECH Thailand 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจและการสนับสนุนจาก GITEX GLOBAL งานด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พร้อมจัดควบคู่กับงาน MEDICAL FAIR THAILAND

มร.คริส กล่าวเพิ่มเติมว่า งานนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก กระทรวงสาธารณสุข โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าด้าน ดิจิทัลเฮลท์ (Digital Health), เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech), ปัญญาประดิษฐ์ (Al), เทเลเมดิซี่น (Telemedicine) และ โครงสร้าง พื้นฐานโรงพยาบาล ตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัย ร่วมรับฟังการประชุมเชิง วิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิ และเข้าร่วมโปรแกรมจับคู่ธุรกิจที่คัดสรรขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพ นักลงทุน ผู้นำด้านสาธารณสุข และผู้กำหนดนโยบายจากทั่วภูมิภาคอาเซียน

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การแข่งขัน Supernova Pitch Competition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงาน Expand North Star ในดูไบ ซึ่งเป็นงานสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสุขภาพนำเสนอผลงานนวัตกรรมต่อหน้านักลงทุนชั้นนำ เพื่อชิงเงินรางวัลมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโอกาสต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตในระดับนานาชาติ

ทั้งนี้ Medical Fair Thailand 2025 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานล่วงหน้า ได้ที่ www.medicalfair-thailand.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

สภาฯป่วน หลัง 'สส.' จี้ถาม เบื้องหลัง หั่นงบท้องถิ่น - กมธ.ไม่แจง

52 นาทีที่แล้ว

'วิสุทธิ์' มั่นใจโหวตงบฯ69 วาระสาม พรุ่งนี้ เมินข่าวซื้อโหวต

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'เอกนัฏ' เร่งปฏิรูปอุตสาหกรรม สะสางธุรกิจศูนย์เหรียญ ปูทางเศรษฐกิจยั่งยืน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

6แบงก์ใหญ่ ‘ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ’ทั้งกระดาน 0.25% ช่วยลูกหนี้ ดันเศรษฐกิจผงกตัว!

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...